วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจผ่านตลาดตราสารหนี้

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจผ่านตลาดตราสารหนี้

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ขยับขึ้นสะท้อนมากกว่าการลดดอกเบี้ยที่ลงช้า อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ของประเทศสำคัญทั่วโลกขยับขึ้น หลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ตลาดมองเห็นการปรับลดดอกเบี้ยลงในปี 2567 เพียง 2 ครั้ง

ซึ่งบ่งชี้ว่าดอกเบี้ยน่าจะทรงตัวในระดับสูงนาน ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้สถานการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว (การเกิด inverted yield curve) เริ่มเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก เป็นสัญญาณว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอาจเกิดขึ้นในหลายประเทศ เป็นสัญญาณลบต่อการลงทุนหุ้น (Equity) 

ยังคงมุมมองระวังการปรับฐานของตลาดต่างประเทศ ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เราเตือนนักลงทุนระวังการปรับฐานของตลาดต่างประเทศ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันเริ่มเห็นโอกาสปรับฐานที่สูงขึ้นจากความน่าสนใจของการลงทุนในหุ้น (Earnings Yield Gap: EYG) ที่แคบมากของสหรัฐฯ ทำให้ตลาดมีความเสี่ยงปรับฐานในระยะสั้น ซึ่งอาจกระทบกับบรรยากาศลงทุนทั่วโลกรวมถึงไทย สำหรับ SET Index ประมาณการกำไรบจ.ที่มีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ 22 ส.ค. ทำให้เรามองการปรับฐานอาจเกิดขึ้นเช่นกัน แต่จะไม่ลึก และน่าจะเป็นโอกาสในการซื้อหากตลาดปรับลดลง ดังนั้นช่วงสั้นนักลงทุนอาจต้องปรับสถานะการลงทุนเป็นเชิงรับ (Defensive) มากขึ้น โดยอาจเพิ่มน้ำหนัก กลุ่มการแพทย์ และสื่อสาร และเลือกเก็งกำไรรายตัวในกลุ่มที่เห็นปัจจัยบวกหรือมีปัจจัยเร่ง (Catalyst) ที่ชัดเจน
 

เงินบาทยังทรงตัวในทิศทางอ่อนค่าบวกต่อกลุ่มส่งออก ค่าเงินบาทในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา แข็งค่าจากองค์ประกอบสำคัญ 3 อย่าง ได้แก่ 1) ส่งออกแข็งแกร่ง 2) ราคาน้ำมันถูกช่วยการเกินดุล 3) ท่องเที่ยวดีเพิ่มดุลบริการ 4) ดอกเบี้ยไทยสูงกว่าสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันมีเพียงปัจจัยด้านการท่องเที่ยวที่พอไปได้ ดังนั้นอาจต้องระวังเงินบาทที่จะทรงตัวในทางอ่อนค่า ซึ่งจะบวกต่อกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรและอาหารที่มีการถือครองต่ำ เช่น CPF, 

ภาพรวมกลยุทธ์: ยังเก็งกำไรได้หากไม่หลุด low ที่ 1,503 จุด ส่วนต่างดอกเบี้ยนโยบายไทย-สหรัฐฯ ที่กว้าง จะยังเป็นปัจจัยกดดันเงินทุนไหลออกที่กระทบหุ้นใหญ่ ทำให้การลงทุนจะอยู่ในรูปของการเก็งกำไรจนกว่าจะเห็นประมาณการกำไรบจ.ปรับขึ้นอย่างชั้ดเจน // หุ้นเด่นที่เราชอบในช่วง ก.ย.-ธ.ค. ได้แก่ PTTEP, TOP, PTG, OR / CPAXT, TIDLOR / AOT, AWC, SPA / CPN, AP

หุ้นแนะนำ: BDMS*, BCH*, TOP*, SVIN*

แนวรับ: 1,490-1,500 / แนวต้าน : 1,520 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

เฟดเผยแบบจำลอง GDPNow บ่งชี้ GDP สหรัฐขยายตัว 4.9% ใน Q3/66 - เฟดแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4.9% ในไตรมาส 3/2566 หลังจากมีการขยายตัว 2.0% และ 2.1% ในไตรมาส 1 และ 2 ตามลำดับ

Ifo ชี้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจเยอรมนีลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 - Ifo ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 85.7 ในเดือนก.ย. จากระดับ 85.8 เมื่อเดือนส.ค. แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 85.2

อะเมซอน เตรียมลงทุน 4 พันล้านดอลลาร์ใน แอนโทรปิก สตาร์ตอัปด้าน AI - อะเมซอน ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซและคลาวด์คอมพิวติ้งของสหรัฐ เตรียมทุ่มเม็ดเงินลงทุนมากถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในแอนโทรปิก (Anthropic) ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ตอัปด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างความร่วมมือที่สำคัญในการก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นหลักด้านปัญญาประดิษฐ์เชิงรู้สร้าง (Generative AI) และแสดงความเชื่อมั่นในความสามารถของแอนโทรปิก

IPO: SAV เข้าเทรดวันแรก – บมจ.สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV) ถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding company) โดยมีบริษัทย่อยเพียง 1 บริษัท ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 100 คือ บริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด (CATS) ซึ่งจดทะเบียนก่อตั้งในประเทศกัมพูชา เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการบริหารจัดการควบคุมการจราจรทางอากาศทั่วน่านฟ้าประเทศกัมพูชาเพียงผู้เดียว ราคา IPO 19.00 บาท 

 

ประเด็นติดตาม: 27 ก.ย. - ประชุม กนง. ซึ่งธปท.จะมีการปรับลดคาดการณ์ GDP ลง, US Core Durable Goods Orders/ 28 ก.ย. – US GDP, Pending Home Sales, Fed Chair Powell Speaks

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)