วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ตลาดไร้ปัจจัยขับดันใหม่

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ตลาดไร้ปัจจัยขับดันใหม่

ภาพรวมตลาดต่างประเทศซึมและอาจมีแรงทำกำไรหลังรับปัจจัยบวกไปพอสมควรแล้ว 1) ตลาดรอมุมมองการเติบโตทางเศรษฐกิจและมุมมองนโยบายการเงินผ่าน มุมมองดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล (Dot plot) ที่จะเปิดเผยหลังประชุม 20 ก.ย.

2) ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่บานปลายจนล่าสุด จีนมีแนวโน้มสั่งห้ามข้าราชการใช้ไอโฟน ส่งผลกระทบต่อหุ้น APPLE และผู้ผลิตชิ้นส่วนในห่วงโซ่ กดดันต่อหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ 3) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ยังอยู่ในระดับสูง และการแข็งค่าของดัชนีค่าเงินสหรัฐฯ (Dollar Index) จะสร้างแรงกดดันเชิงลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง

ภาพการลงทุนในประเทศเคลื่อนไหวตามกิจกรรมของนายกรัฐมนตรี และการแถลงนโยบาย 11 ก.ย. บรรยากาศลงทุนในประเทศโดยรวมทรงตัวโดยมีแรงเก็งกำไรและทำกำไรมาจากปัจจัยต่างๆที่เข้ามา ได้แก่ 1) การปรับลดเป้า GDP ปี 2566 ของหน่วยงานต่างๆ ล่าสุด กกร.ปรับลด GDP เหลือ 2.5-3.0% สอดคล้องกับสภาพัฒน์ ส่งผลกระทบเชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์และอาจกระทบต่อธนาคารในระยะต่อไป 2) การหาเงินมาสนับสนุนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่อาจจะมาจากการขายหุ้นกองทุนวายุภักย์ ทำให้มีแรงทำกำไรหุ้นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ 3) นายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบเลขาบีโอไอ หารือเรื่องส่งเสริมการลงทุน และการเตรียมการโรดโชว์ที่ประเทศสหรัฐฯ 18-24 ก.ย. เป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมฯ ทั้ง AMATA, WHA, ROJNA, PIN
 

ภาพรวมกลยุทธ์: ตลาดปรับฐานสู่แนวรับ 1,540-1,550 จุด ซึ่งเป็นระดับที่มีโอกลุ้นฟื้นตัว กลุ่มที่น่าสนใจช่วงนี้คือ 1) หุ้นขนาดกลางขนาดเล็กที่มีการถือครองต่ำ 2) กลุ่มที่ผลประกอบการครึ่งปีหลังจะออกมาดีหรือดีต่อเนื่อง ได้แก่ พลังงาน ท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ 3) หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว // หุ้นเด่นที่เราชอบในช่วง ก.ย.-ธ.ค. ได้แก่ PTTEP, TOP, PTG, OR / CPAXT, TIDLOR / AOT, AWC, SPA / CPN, AP

หุ้นแนะนำ: CRC*, CPF*, ZEN*, SORKON*

แนวรับ: 1,540 / แนวต้าน : 1,560 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

จีนส่งออกลดลงติดต่อกัน - โดยลดลง 8.8% yoy ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากอุปสงค์สินค้าจีนในต่างประเทศชะลอตัวลง แต่ปรับตัวลงน้อยกว่าในเดือนก.ค.ที่ร่วงลง 14.5% yoy และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจลดลง 9.2% yoy ส่วนยอดนำเข้าลดลง 7.3% yoy ซึ่งน้อยกว่าในเดือนก.ค.ที่ร่วงลง 12.4% yoy และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจลดลง 9% yoy 

กกร.หั่นจีดีพีไทย –จาก 3.0-3.5% เหลือ 2.5-3.0% แนะรัฐเร่งส่งมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบเร่งด่วน ทั้งการลดภาระรายจ่ายค่าไฟและราคาน้ำมัน ผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน พร้อมพิจารณามาตรการเพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนการส่งออกไปยังตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตได้
 

สายสีส้มรอคำสั่งศาลชี้ขาด – นายสุริยะ ยืนยันต้องรอทุกคดีในศาลฯ ได้ข้อยุติทั้งหมดก่อนเดินหน้าต่อ มีความเป็นไปได้ 2 แนวทาง เดินหน้าเซ็นสัญญา BEM หรือเปิดประกวดราคาใหม่ พร้อมสั่ง AOT เร่งขยายตารางการบินรองรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซัน ดันโครงการค้างท่อ รถไฟทางคู่สายขอนแก่น-หนองคาย ส่วนค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย รออีก 2 ปี

จัดสรรตารางบินดึงจีน - สุริยะประสานสุทินจัดสรรตารางบินกองทัพอากาศมาให้เที่ยวบินพาณิชย์จีน ขนนักท่องเที่ยวเข้าไทยเป็นการชั่วคราว รับนโยบายฟรีวีซ่าจีนตุลาคม คาดเพิ่มอีก 100 เที่ยวต่อวัน ด้าน AOT โชว์ตารางฤดูหนาวทั้ง 6 ท่าอากาศยาน เที่ยวบินเพิ่มเฉลี่ยราว 300 เที่ยวบินต่อวัน สุวรรณภูมิผู้โดยสารจะแตะ 1.9 แสนคนต่อวัน จ่อปรับเป้าผู้โดยสารปี 2567

 

ประเด็นติดตาม: 11 ก.ย. แถลงนโยบายต่อรัฐสภา / 12 ก.ย. ประชุมครม.นัดแรก / 13 ก.ย.– US CPI/ 14 ก.ย.- ECB Interest Rate Decision, US PPI, Retail Sales/ 15 ก.ย. - CH Industrial Production / 18-24 ก.ย. BOI โรดโชว์พบนักลงทุนสหรัฐฯ /27 ก.ย. ประชุม กนง. ซึ่งธปท.จะมีการปรับลดคาดการณ์ GDP ลง

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)