วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ BCH มีแนวโน้มสดใสมากขึ้นใน 2H66F

วิเคราะห์หุ้นรายตัว :  บล.เคจีไอฯ BCH มีแนวโน้มสดใสมากขึ้นใน 2H66F

ผลประกอบการของ BCH ดีขึ้น QoQ ใน 2Q66 แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจาก i) ฐานกำไรที่สูงผิดปกติเมื่อเทียบ YoY ใน 1H65 และ ii) ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนของโรงพยาบาลในเวียงจันท์ (60 ล้านบาท ซึ่งบันทึกในค่าใช้จ่าย SG&A ใน 2Q66 จาก 15 ล้านบาทใน 1Q66)

เพราะเงินสกุลกีบของลาวอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับค่าเงินบาท (LAK/THB) อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ BCH เป็นเพราะได้แรงสนับสนุนจาก i) การปรับขึ้นอัตราค่าเหมาจ่ายรายหัวขั้นพื้นฐานของ SSO อีก 10.2% ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ii) มีจำนวนผู้ป่วยชาวเมียนมาร์เพิ่มขึ้นจากการส่งต่อผู้ป่วยข้ามพรมแดน และ iii) COVID-19 กลับมาระบาดอีกครั้งในเดือนเมษายน ทั้งนี้ สำหรับงวด 1H66 กำไรสุทธิของ BCH อยู่ที่ 538 ล้านบาท (-
83.0% YoY) คิดเป็น 37.9% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเราที่ 1.42 พันล้านบาท

 

จะได้รับผลกระทบน้อยมากจากโรงพยาบาลเกษมราษฎร์เวียงจันท์ใน 4Q66

จากการที่ค่าเงินกีบอ่อนค่าลง BCH จึงได้บริหารจัดการประเด็นนี้ด้วยการเพิ่มทุนในบริษัทย่อย Kasemrad International Hospital Vientiane โดยคณะกรรมการของ BCH อนุมัติให้ทำการเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น 68.47% เป็นจำนวน 191,300,900,000 กีบ (เทียบเท่า 329.994 ล้านบาท) ในหุ้นสามัญใหม่ 95.65 ล้านหุ้น และผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ ก็ตกลงที่จะใช้สิทธิ์เพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นซึ่งจะไม่กระทบกับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทย่อยแห่งนี้ โดยคาดว่าธุรกรรมการเพิ่มทุนจะดำเนินการเสร็จเรียบร้อยภายในเดือนกันยายน 2566 ทั้งนี้ วัตถุประสงค์การเพิ่มทุนคือเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินงานของโรงพยาบาลและชำระคืนหนี้สกุลบาท ซึ่งจะทำให้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงภายใต้สภาวะที่อัตราแลกเปลี่ยน LAK/THB อ่อนค่าลง

 

 

กำไรมีแนวโน้มสดใสมากขึ้นใน 2H66F

เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มกำไรของ BCH ที่จะแข็งแกร่งขึ้นใน 2H66F เนื่องจาก i) กำลังจะเข้าสู่ช่วง peak ตามฤดูกาลใน 3Q ii) กลุ่มผู้ป่วยต่างชาติมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น (ได้แก่ ผู้ป่วยจากกลุ่ม CLMV และ ตะวันออกกลาง) และ iii) อัตรากำไรแข็งแกร่งขึ้นจากทั้งกลุ่ม SSO (รับรู้การปรับอัตราเหมาจ่ายรายหัวใหม่ของ SSO เต็มไตรมาส) และผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาโรคทั่วไปมี intensity สูงขึ้น นอกจากนี้ เรายังคิดว่า ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กำไรโตแรง YoY ใน 3Q66 จะเป็นเพราะฐานที่ต่ำผิดปกติใน 3Q65 ซึ่ง BCH มีผลขาดทุนสุทธิ 403 ล้านบาทจากการ write-off วัคซีน Moderna

 

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย DCF กลางปี 2567 ที่ 23.50 บาท (ใช้ WACC ที่ 7.5% และ TG ที่ 3.0%) จากเดิมที่ใช้ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 23.00 บาท

 

Risks

COVID-19 ระบาด, ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองของไทยรอบใหม่, และเกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่

 

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว :  บล.เคจีไอฯ BCH มีแนวโน้มสดใสมากขึ้นใน 2H66F