กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ ภาพรวมไซด์เวย์ เน้นเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ ภาพรวมไซด์เวย์ เน้นเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน

กลับมาอยู่ในโหมดไซด์เวย์ ตลาดน่าจะสะท้อนความชัดเจนทางการเมืองไปมากแล้ว ในสัปดาห์ที่แล้ว (21-25 สิงหาคม) ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง

เนื่องจาก i) สถานการณ์การเมืองไทยมีแนวทางชัดเจนแล้ว หลังจากที่รัฐสภาลงมติสนับสนุนให้นายเศรษฐา ทวีสินจากพรรค
เพื่อไทยขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และ ii) ภาวะของเศรษฐกิจจีนดีขึ้น หลังจากที่ทางการจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หลักลง พร้อมทั้งผลักดันให้มีการขยายสินเชื่อเพิ่ม และลดข้อจำกัดในการขอสินเชื่อจดจำนอง ทั้งนี้ เงินบาทที่ค่อนไปทางอ่อนค่ามาสองสามเดือน เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่คลี่คลายลงไป และกระแสเงินทุนไหลเข้าที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เรามองว่าปัจจัยบวกต่าง ๆ ข้างต้นน่าจะมีน้ำหนักมากกว่า GDP 2Q66 ที่ขยายตัวต่ำเกินคาดที่ 1.8% ซึ่งทำให้สำนักต่าง ๆ พากันปรับลดประมาณการ GDP ปี 2566 ลง

สำหรับในสัปดาห์นี้ (21-25 สิงหาคม) เราคาดว่า ดัชนี SET จะกลับมาอยู่ในโหมดไซด์เวย์อีกครั้งหลังจากที่ตอบรับในเชิงบวกต่อประเด็นความชัดเจนทางการเมือง และการตั้งรัฐบาลใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ กว่าจะสามารถดำเนินมาตรการ digital wallet เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงยังน่าจะต้องใช้ว่าเวลาอีกหลายเดือน ดังนั้น นักลงทุนจึงอาจจะกลับไปให้น้ำหนักกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ หลังจากที่ผู้บริหารของ Fed ซึ่งรวมถึงนาย Jerome Powell ประธาน Fed ได้ออกมาแสดงความเห็นที่ค่อนข้าง hawkish ในการประชุม Jackson Hole symposium ส่วนในอีกด้านหนึ่ง กระแสข่าวเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนอาจจะเป็นประเด็นบวกเกินความคาดหมายในช่วงสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากตัวเลขเศรษฐกิจยังอ่อนแอ ซึ่งล่าสุดเมื่อเย็นวันอาทิตย์ รัฐบาลจีนได้ปรับลดอากรแสตมป์ (stamp duty) ในการซื้อขายหุ้นลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 จาก 0.1% เหลือ 0.05%

 

 

ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินสหรัฐในระยะต่อไป

ปัจจัยต่างประเทศ: ในสัปดาห์นี้จะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาหลายรายการ โดยตัวเลขสำคัญได้แก่ การประกาศตัวเลข GDP 2Q66 ครั้งที่สอง (30 สิงหาคม), ดัชนีเงินเฟ้อ PCE เดือนกรกฎาคม (31 สิงหาคม) และดัชนี ISM ภาคการผลิตเดือนสิงหาคม และตัวเลขการจ้างงาน (1 กันยายน) เรามองว่าถ้าข้อมูลออกมาแข็งแกร่งอาจจะเป็นลบกับตลาด เพราะในตอนนี้นักลงทุนเป็นกังวลว่า Fed อาจจะขึ้นดอกเบี้ยอีก ส่วนในประเทศจีน จะมีการประการตัวเลข PMIs เดือนสิงหาคมที่เป็นทางการในวันที่ 31 สิงหาคม ซึ่งเรามองว่าหากดัชนี PMIs ออกมาน่าผิดหวังอาจจะทำให้รัฐบาลกลางออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาเพิ่มอีก
 

ปัจจัยภายในประเทศ: สำหรับแนวโน้มในระยะสั้น เรามองว่าความคาดหวังด้านบวกต่อประเด็นทางการเมืองอาจจะจางลงเมื่อมีการกำหนดโผคณะรัฐมนตรีเสร็จในสัปดาห์นี้และตลาดรับรู้ไปเรียบร้อย นอกจากนี้ ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยยังเปิดเผยว่าอาจจะเริ่มใช้มาตรการกระตุ้นผ่าน digital wallet ได้ในเดือนเมษายน 2567 ท่ามกลางข้อจำกัดทางด้าน พรบ. งบประมาณ ดังนั้น เราจึงมองว่ากระแสความตื่นเต้นในระยะสั้นต่อหุ้นการบริโภคของไทยจะลดลง

 

 

 

เน้นหุ้นธีมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน ซึ่งน่าจะ outperform ตลาดได้ในสัปดาห์นี้

สำหรับแนวคิดการซื้อขายหุ้นในสัปดาห์นี้ เรามองว่าหุ้นในธีมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนน่าจะกลับมา outperform ได้อีกครั้ง หลังจากที่มีการลดอากรแสตมป์สำหรับการซื้อขายหุ้น และกระแสข่าวในตลาดว่าประเทศไทยอาจจะพิจารณายกเว้นข้อกำหนดในการขอวีซ่าของนักท่องเที่ยวจีน เรามองว่าหุ้นในธีมนี้ได้แก่ TOP*, SCGP*, IVL*, ERW* และ SPA สำหรับหุ้นกลุ่มการบริโภคของไทยนั้น เรามองว่ากระแสความตื่นเต้นของตลาดในระยะสั้นจะลดลง เพราะน่าจะยังไม่มีการดำเนินมาตรการที่มี
นัยสำคัญในระยะสั้น แต่เราแนะนำให้นักลงทุนสะสมหุ้นอย่างเช่น CPALL*, CPN* และ CRC* ในช่วงที่ราคาหุ้นผันผวน