วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SAPPE ปักหมุดโตในยุโรป
วางตำแหน่งในตลาดสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืน จากการที่ยอดส่งออกเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 40% YoY ใน 2Q66 และ 49% ในงวด 1H66 SAPPE ชี้แจงเพิ่มเติมว่าตลาด EU โตแรงที่สุดถึง 126% YoY ใน 2Q66 และ 1H66 จากการขยายตลาดในอังกฤษ
ในขณะที่รายได้จากฝรั่งเศสโตประมาณ 25-30% ส่วนรายได้จากตะวันออกกลาง (ME) โตรองลงมาที่ 60% QoQ และ YoY แต่อย่างไรก็ตาม การเติบโตของรายได้ในเอเชียอยู่ที่ระดับ 11% ใน 2Q23 ทั้งนี้จากการเติบโตของตลาดฝรั่งเศสในช่วงปี 2563-2566 ผ่านทุกช่องทางทั้งประเทศ MT และ TT และนำไปใช้กับแผนการโตในอังกฤษ ซึ่งคาดว่า UK จะเป็นตลาดหลักที่ผลักดันการเติบโตของ SAPPE ในอีกสองปีข้างหน้า
Margin ยังเพิ่มต่อจากต้นทุนวัตถุดิบลด
บริษัทเผยยอดคำสั่งซื้อจากตลาดส่งออกที่มีเข้าต่อเนื่อง QTD ทำให้มั่นใจถึงการโตยอดขายที่ยังโตใน 3Q66 (แม้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ใน 2Q66) ในระดับประมาณ +/-5% QoQ และจะโตถึงประมาณ 40% ใน 9M66F ทำให้บริษัทปรับเพิ่มเป้าอัตราการเติบโตของรายได้ปีนี้ เป็น 30-35% (จากเดิมที่ 25%) ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกไปยังตลาด EU นอกจากนี้ ยอดคำสั่งซื้อจากตลาดส่งออกที่แข็งแกร่งยังจะทำให้บริษัทสามารถรักษาระดับอัตราการใช้กำลังการผลิต (CAPU) ในระดับสูงสุดที่ 80% ในขณะที่ราคา PET resin ลดลงประมาณ 5-10% ซึ่งจะทำให้ GPM สูงขึ้นไปอีกใน 3Q66F
ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดจะเร่งตัวขึ้นใน 2H66
การส่งออกไปยังตลาดเอเชียโตในอัตราที่ชะลอตัวลง (คิดเป็น 41% ของรายได้รวม โดยประเทศส่งออกหลักได้แก่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้) นำโดยการส่งออกไปอินโดนีเซีย ซึ่งบริษัทเผยว่าอาจจะเป็นเพราะค่าใช้จ่ายด้านการตลาดต่ำเกินไปในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นจึงตัดสินใจเพิ่มงบการตลาดใน 2H66F โดยค่าใช้จ่ายด้านการตลาดส่วนนี้จะมุ่งโปรโมตแบรนด์ (brand awareness) สร้างอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดของคู่แข่ง (barrier to entry) และเพิ่มรายได้ในอนาคต
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2566F/2567F ขึ้นอีก 11%/8% ขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2567F ที่ 120 บาท และปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ
โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นสะท้อน 1.) การปรับเพิ่มอัตราการเติบโตของรายได้ปี 2566/2567 เป็น 38%/30% (จากเดิม 28%/30%) 2.) การปรับเพิ่ม GPM เป็น 44%/43.5% (จากเดิม 43.5%/43%) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายของเราไม่มากแล้ว เราจึงปรับลดคำแนะนำจากซื้อเป็นถือ โดยปรับลดราคาเป้าหมายปี 2566 ลงเหลือ 89.00 บาท จากเดิม 84.50 บาท โดยอิงจาก PE ที่ 28x
Risks
ค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพิ่ม, ขาดทุน FX, เสียสถานะทางการตลาด, อ.ย. ปรับเกณฑ์การกำกับดูแล.