วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ BPP ประมาณการ 2Q66F: มีหลายปัจจัยหนุน

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ BPP ประมาณการ 2Q66F: มีหลายปัจจัยหนุน

ในวันที่ 10 สิงหาคม เราคาดว่า BPP จะมีกำไรสุทธิใน 2Q66F จะอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท (-48% QoQ,+62% YoY) เพราะไม่มีกำไรพิเศษ 1.3 พันล้านบาทจากการปรับมูลค่าของ Durapower เหมือนกับใน 1Q66

แต่หากไม่รวมผลขาดทุน 200 ล้านบาท จากตราสารอนุพันธ์ และอัตราแลกเปลี่ยน กำไรหลักจะพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท (+63% QoQ, +56% YoY) ซึ่งเป็นกำไรที่สูงที่สุดในรอบสามปี และกำไร1H66 ที่ 2.1 พันล้านบาท (+96% YoY) คิดเป็น 56% ของกำไรปี 2566F ใหม่ของเรา

 

ผลการดำเนินงานจากธุรกิจหลักออกมาน่าประทับใจ

กำไรที่พุ่งสูงขึ้น QoQ เป็นเพราะ i) high season ของ Temple I (มิ.ย.-ก.ย.) ii) BLCP กลับมาเปิดอีกครั้ง
และ iii) ได้ค่าชดเชยของโรงไฟฟ้า Nakoso ทั้งนี้ แม้ว่า Temple I จะปิดซ่อมตามแผน 24 วัน แต่เราคาดว่า
กำไรจะยังแข็งแกร่งขึ้น QoQ จากการบริหารต้นทุน และได้แรงหนุนจากคลื่นความร้อน (Heatwave) ที่
เกิดขึ้นทั่วในตอนใต้สหรัฐซึ่งทำให้อัตราค่าไฟฟ้า และปริมาณยอดขายไฟฟ้าขยับขึ้นทั้งคู่ อย่างไรก็ตาม
ปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งคือ low season ของโรงไฟฟ้าในจีน (CHPs และ SLG) ส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY จะ
เป็นเพราะผลการดำเนินงานของ CHPs & SLG แข็งแกร่งขึ้น (ต้นทุนถ่านหินลดลง), ผลขาดทุนจาก
Banpu NEXT ลดลง, และการเดินเครื่อง (run rate) ที่ BLCP ดีขึ้น ในขณะเดียวกันกำไรจะยังถูกฉุดโดย
ค่าใช้จ่าย SG&A และต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการซ่อมบำรุงรอบใหญ่นาน 1 ปีของ Nakoso

ปรับเพิ่มกำไรหลักปี 2566-68F

เพื่อสะท้อนถึงผลการดำเนินงาน BPP ที่แข็งแกร่งเกินคาด, Temple II (378MWe – ตั้งแต่ 10 กรกฎาคม) และผลขาดทุนที่ลดลงของ Banpu NEXT เราจึงปรับเพิ่มกำไรหลักปี 2566-68F ขึ้นอีก 14-25% โดยเราคาดว่ากำไรหลักในปี 2566F จะโต 35% YoY เพราะได้อานิสงส์จากคลื่นความร้อนในสหรัฐ และ การเข้าซื้อ Temple II ในขณะที่คาดว่ากำไรในปี 2567F จะกลับมาโตในระดับปกติที่ 9% YoY เราคิดว่าการฟื้นตัวของโรงไฟฟ้าในจีนของ BPP ในจีนยังไม่ราบรื่น ในขณะที่ CHPs กำลังเจรจากับทางการเพื่อขอลดราคาถ่านหินเหมือนกับ SLG แต่ยังไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจน เราคาดว่ากำไรหลักของ BPP ใน 3Q66F จะลดลงทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากมีกำหนดปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า BLCP (Unit1 – 18 วัน) และหงสา
(Unit1&2 – 22 วัน) ในขณะที่คาดว่าผลการดำเนินงานของ Nakoso จะอ่อนแอลง ถึงแม้จะเข้าสู่ช่วง high season ของ Temple I & II เต็มไตรมาสก็ตาม

 

Valuation & Action

เรายังแนะนำ ถือ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2567F ที่ 15.50 บาท โดยราคาหุ้นอาจจะได้แรงหนุนจากผลประกอบการใน 2Q66F ที่น่าจะแข็งแกร่ง และคลื่นความร้อนในสหรัฐที่ยังคงไม่จบลง ซึ่งเรามองว่าเป็นเพียงปัจจัยสนับสนุนในระยะสั้นเท่านั้น สำหรับแนวโน้มในระยะยาว เรามองว่าหุ้น BPP น่าจะ outperform ได้ยาก เพราะ ROE มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นช้าและต่ำกว่าในอดีต รวมถึงกระแส ESG ที่เร่งตัวขึ้น

 

Risks
 

การปิดโรงงานนอกแผน, ปัญหา cost overrun, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย

 

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ BPP ประมาณการ 2Q66F: มีหลายปัจจัยหนุน