กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ ฟื้นตัวต่อ เก็งกำไรว่าจะได้นายกฯ ปลายสัปดาห์นี้

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ ฟื้นตัวต่อ เก็งกำไรว่าจะได้นายกฯ ปลายสัปดาห์นี้

ตลาดน่าจะยังขึ้นต่อแบบ sideways up แม้จะยังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองในระดับหนึ่ง ในสัปดาห์ที่แล้ว (24-27 กรกฎาคม) ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นมาในระดับปานกลาง ซึ่งดีกว่าที่เราคาดเอาไว้เล็กน้อย

โดยหุ้นไทยยังพักฐานเกือบตลอดสัปดาห์ หลังจากที่รัฐสภาเลื่อนกำหนดการเลือกนายกรัฐมนตรีออกไปจากเดิมในวันที่ 27 กรกฎาคม หลังจากที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องต่อศาลรัฐรรมนูญให้พิจารณาการยื่นญัตติซ้ำเพื่อเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะตลาดกลับมาดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในวันศุกร์ที่แล้ว จากรายงานข่าวว่าอดีตนายกทักษิณ ชินวัตรมีแผนจะเดินทางกลับเข้ามาประเทศไทยในวันที่ 10 สิงหาคม ซึ่งทำให้นักลงทุนเก็งว่าจะตั้งรัฐบาลใหม่ได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยอาจจะไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วย

สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์นี้ (31 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม) เราคาดว่าดัชนี SET น่าจะขึ้นต่อได้ โดยเราคาดว่าในช่วงต้นสัปดาห์ ตลาดจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ ตามกระแสข่าวการเมืองในช่วงวันหยุดยาวว่าอดีตนายกทักษิณ อาจจะเลื่อนแผนกลับบ้านในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม มุมมองในกรณีฐานของเราคือพรรคเพื่อไทยจะสามารถตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้น เราจึงไม่คิดว่าตลาดจะถูกฉุดจากข่าวเกี่ยวกับคุณทักษิณเท่าใดนัก โดยต้องติดตามสถานการณ์การเมืองไทยตามกำหนดเวลาด้านล่าง ทั้งนี้ เรามองว่าปัจจัยเศรษฐกิจโลกยังจะหนุนสินทรัพย์เสี่ยงหลังจากที่ตัวเลข GDP สหรัฐใน 2Q66 ออกมาดี และ
ตัวเลขเงินเฟ้อ core PCE เดือนมิถุนายนออกมาต่ำกว่า consensus เล็กน้อย

 

 

 

ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนของสหรัฐ และไทย รวมถึงกำหนดเวลาที่สำคัญของการเมืองไทย

ปัจจัยภายนอก: หลังการตัดสินนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักสามแห่งในสัปดาห์ที่แล้ว เราคาดว่าความสนใจต่อภาวะเศรษฐกิจโลกในสัปดาห์นี้จะขยับไปอยู่ที่การออกตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเดือนกรกฎาคม ซึ่งได้แก่ดัชนี ISM, ตัวเลขตำแหน่งงานใหม่, การจ้างงาน ADP, การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน ทั้งนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมาลดลง และเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ในเกณฑ์ดี นักลงทุนจึงมีความหวังมากขึ้นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะตกแบบ ‘soft-landing’ ซึ่งเมื่อประกอบกับความหวังว่าจีนจะออกมาตรการกระต้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกก็น่าจะช่วยสนับสนุนภาวะโดยรวมของหุ้นในเอเชีย

ปัจจัยภายใน: นักลงทุนควรติดตาม i) ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมิถุนายน และ 2Q66 จาก ธปท. ในวันนี้ ii)ส ถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม โดยในวันที่ 3 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสินออกมาว่าจะรับคำรองกรณียื่นญัตติเสนอชื่อนายกซ้ำหรือไม่ ซึ่งหากศาลไม่รับคำร้องของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน รัฐสภามีแผนจะนัดประชุมในวันที่ 4 สิงหาคมเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่

 

 

 

ยังคงเน้นหุ้นที่อ่อนไหวกับนโยบายของรัฐบาล และหุ้นที่จะได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจโลกที่ยังดี + มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน

เนื่องจากเรามองว่าอีกไม่นานประเทศไทยจะได้รัฐบาลใหม่ที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ดังนั้น นักลงทุนจึงน่าจะเตรียมถือหุ้นดังต่อไปนี้ i) หุ้นกลุ่มที่ก่อนหน้านี้ถูกกดดันจากกระแสความกังวลเกี่ยวกับนโยบายของพรรคก้าวไกล อย่างเช่น GULF*, CPALL*, TRUE*, CPN* และ CRC* และ ii) หุ้นที่โยงกับการเมืองอย่างเช่น STEC* และ CK*  iii) หุ้นที่จะได้อานิสงส์จากการที่จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างเช่น IVL* และ SCGP* สำหรับหุ้นขนาดเล็ก เราเน้นบริษัทที่ผลประกอบการ 2Q66 มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้ง YoY และ QoQ อย่างเช่น SISB และ SNNP*