วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ มองภาพใหญ่ที่เกิด de-rating

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ มองภาพใหญ่ที่เกิด de-rating

ธนาคารกลางอังกฤษขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ 5.00% สูงสุดในรอบ 15 ปี ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติ 7-2 ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 5.00% ซึ่งสูงสุดนับจาก 2551 (และมากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะปรับเพียง 0.25%)

อย่างไรก็ตาม ค่าเงินปอนด์โดยรวมอ่อนค่าลง ภาวะที่ตัวแปรในตลาดดูงงๆหรือไม่สอดคล้องกัน (disconnected) อาจทำให้ชวนสับสน แต่เราอยากให้นักลงทุนมองไปยังภาพใหญ่ที่เราสื่อสารในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา 1) ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ตลาดอาจสะท้อนปัจัยลบทางเศรษฐกิจ ก่อนสะท้อนปัจจัยบวกจากการหยุดขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ (ซึ่งน่าจะเห็นภาพชัดหลัง ประชุมเฟดรอบ ก.ย.) 2) การดำเนินนโยบายตึงตัวของธนาคารกลางขนาดใหญ่ของโลก 3) การดำเนินนโยบายตึงตัวของธนาคารกลางขนาดใหญ่หลายแห่ง 
 

ระวังเงินบาทอ่อนจาก Policy rate gap ที่กว้างขึ้น ประธานเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 2 ครั้ง โดยในการแถลงต่อกรรมาธิการธนาคารวุฒิสภา ประธานเฟด เจอโรม พาวเวล ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อในปีนี้ โดยอาจปรับขึ้นอีก 2 ครั้ง หากเศรษฐกิจปรับตัวตามที่คาดการณ์ไว้ การส่งสัญญาณดังกล่าวทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯกับไทย มีแนวโน้มถ่างกว้างขึ้น (ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ดอกเบี้ยนโยบายต่ำที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ซึ่งจะกดดันการไหลออกของเงินทุนทั้งจากตราสารหนี้ ตลาดหุ้น // สถานการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยกดดันต่อหุ้นในกลุ่มไฟฟ้าจาก 1) ดอกเบี้ยขาขึ้นกดดัน Valuation หุ้นไฟฟ้าที่มีผลตอบแทนคล้ายพันธบัตร 2) ต้นทุนดอกเบี้ยที่น่าจะขยับขึ้นตามการขึ้นดอกเบี้ย 3) ค่าเงินบาทที่อ่อน เป็นปัจจัยลบต่อขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากหนี้สกุลต่างประเทศที่อาจเพิ่มขึ้น ในทางพื้นฐานเรายังชอบหุ้นกลุ่มไฟฟ้าจากการ turnaround และต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง และมองการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอาจทำให้จุดต่ำสุดของหุ้นกลุ่มนี้เลื่อนออกไป แต่ไม่ได้เปลี่ยนความน่าสนใจของการฟื้นตัวในระยะกลาง
 

ภาพรวมกลยุทธ์: ตลาดมีแรงกดดันจากการเกิด de-rating กระทบมากต่อหุ้นที่แนวโน้มกำไรมีความเสี่ยงต่อการปรับประมาณการลง และกลุ่มที่มี Valuation แพง ซึ่งช่วงเวลาที่ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกกดดันให้เกิด de-rating ทำให้ในเชิงกลยุทธ์ ต้องกลับมาเน้นหุ้นที่โมเมนตัมกำไรเป็นบวก / Valuation ไม่แพง / ปันผลสูง (มี 1 หรือหลายข้อนี้รวมกัน) 

หุ้นแนะนำ: AOT*, AWC*, SCB*

แนวรับ: 1,490-1,505 / แนวต้าน : 1,550-1,572 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

ไทยลุ้นค่าไฟลด - กกพ. กล่าวว่า แนวโน้มค่าไฟงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.66 มีโอกาสลดลงอย่างน้อย 20 สตางค์/หน่วย จากงวดปัจจุบัน (พ.ค.-ส.ค.66) อยู่ที่ 4.70 บาท/หน่วย ส่วนหนึ่งมาจากราคา LNG ปรับลดลง โดยอยู่จะสรุปเป็นทางการอีกครั้งต่อสาธารณชนไม่เกินเดือนก.ค.66

PTTEP เข้าฮุบไฮโดรเจน ในโอมาน – PTTEP ผนึกพันธมิตรชั้นนำ คว้าโครงการผลิตกรีนไฮโดรเจน โอมาน ในแปลงสัมปทาน Z1-02 ระยะเวลา 47 ปีเริ่มผลิตปี 2573 แต่การรุกพลังงานสะอาดส่งผลดี อีกทั้ง มองปลายไตรมาส 3 ซัพพลายน้ำมันขาดตลาด

MAJOR มั่นใจโค้งสองงบพีก – MAJOR กำงบ 700 ล้านบาท ผุดโรงภาพยนตร์ 40 แห่ง ลั่นโค้งสองงบแตะระดับสูงสุดของปี หนุนจากทั้งรายได้ธุรกิจภาพยนตร์ และรายได้จากส่วนอื่น มองบวกภาษีโรงภาพยนตร์เก็บจากการขายตั๋ว เพื่อตั้งกองทุนเสริมสร้างผู้สร้างภาพยนตร์ไทย 
 

 

 

 

JMART ชี้แจงข่าวลือถูกตรวจสอบ – บริษัทชี้แจงข่าว ปฏิเสธข่าวลือราคาที่ลดลงเป็นผลจากการถูกตรวจสอบตามกลุ่มหุ้นบริษัทที่ต้องสงสัยหรือมีปัญหาอื่นที่ปรับลดลงมา

Opportunity day: 23 มิ.ย. – INGRS, ZEN, MGT, TOG, GABLE, PROEN, UREKA / 26 มิ.ย. – WPH, STC, IVL, DUSIT / 27 มิ.ย. – DPAINT, RP / 28 มิ.ย. – SIS, SELIC, PORT, SONIC, PLUS

 

ประเด็นติดตาม: 23 มิ.ย. – US PMI, EU PMI / 27 มิ.ย. - US Core Durable Goods, CB Consumer Confidence, New Home Sales, Builiding Permits

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)