กลยุทธ์การลงทุน สรุปงบไตรมาส 1/66 – ฟื้นตัวแรง QoQ จากฐานต่ำ

กลยุทธ์การลงทุน สรุปงบไตรมาส 1/66 – ฟื้นตัวแรง QoQ จากฐานต่ำ

กำไรสุทธิของหุ้นที่ KGI ศึกษาอยู่ลดลง 4.8% YoY แต่ดีดตัวขึ้นถึง 63.9% QoQ ใน 1Q66 ซึ่งกำไรโดยรวมออกมาดีกว่า consensus 9%

หลังจากที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยออกมาแย่ใน 4Q65 ปรากฏว่าผลประกอบการใน 1Q66 ออกมาดีขึ้นจากฐานกำไรที่ค่อนข้างต่ำ โดยกำไรสุทธิใน 1Q66 ของหุ้นที่ KGI ศึกษาอยู่ยังลดลง 4.8%YoY แต่ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 63.9% QoQ เพราะกำไรของหุ้น cyclical ในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีพุ่งแรง QoQ ทั้งนี้ กำไรโดยรวมออกมาดีกว่า consensus 9% โดยมีบริษัท 35% ที่ผลประกอบการออกมาดีกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์ ในขณะที่อีก 41% เป็นไปตามประมาณการ และมีเพียง 23%ที่แย่กว่าประมาณการ

 

หุ้นกลุ่มพลังงานและโรงแรมหลายตัวมีกำไรดีเกินคาด ส่วนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์แย่สุดในบรรดาหุ้นกลุ่มหลัก

เรามองว่าใน 1Q66 ไม่มีกลุ่มไหนที่นำโด่งชัดเจนในแง่ % ของกำไรที่สูงกว่าประมาณการ อย่างไรก็ตาม เราพอจะบอกได้ว่ากลุ่มพลังงานและโรงแรมมีสัดส่วนของหุ้นในกลุ่มที่ผลประกอบการดีเกินคาด (beatto-below ratio) ค่อนข้างสูง (figure 3) ทั้งนี้ กลุ่มพลังงานได้อานิสงส์จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งตามฤดูกาลของกลุ่มโรงกลั่น ในขณะที่กลุ่มโรงแรมยังคงเกาะกระแสการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของการท่องเที่ยว สำหรับกลุ่มที่ผลประกอบการอ่อนแอ เราพบว่ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มีผลประกอบการแย่ที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มหลักอื่น ๆ สอดคล้องกับที่เราให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มนี้ที่ Underweight

 

 

มีการปรับลด Consensus EPS ลงในช่วงหลายสัปดาห์นี้ และมองว่าประมาณการ EPS ของหุ้นที่ KGI ศึกษาอยู่นั้น อาจถูกปรับลดลงได้อีกบ้าง

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปรับลด consensus EPS ของบริษัทจดทะเบียนไทยในปี 2566 ลงอย่างชัดเจนมากขึ้นเหลือ 97 และเรามองว่าประมาณการ EPS ของบริษัทที่ KGI ศึกษาอยู่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 104 อาจจะต้องมีการปรับลดลงอีกเล็กน้อยในช่วงสัปดาห์ต่อ ๆ ไป เพราะหลังจากที่มีการประกาศตัวเลข GDP ใน 1Q66 ออกมาที่ระดับปานกลาง นักเศรษฐศาสตร์ของเราจึงกำลังปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้ลงจากประมาณการปัจจุบันที่ 4.1% นอกจากนี้ นโยบายเชิงประชานิยมของรัฐบาลใหม่ อย่างเช่นการขึ้นค่าแรงทั่วประเทศ จะส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ ต้องระมัดระวังกับด้านต้นทุนมากขึ้น

 

ความไม่แน่นอนทางการเมืองจะกดตลาดในระยะสั้น แต่ดัชนี SET ยังมีมูลค่าน่าสนใจแม้ว่าเราได้ปรับลดเป้าหมายดัชนีลงอีก

จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีประเด็นอย่างเช่น i) รายละเอียดของ MoUs ระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคการเมืองอื่น ๆ และ ii) การมีส่วนร่วมของสมาชิกวุฒิสภาในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ภาวะตลาดในระยะสั้นจึงถูกกดอยู่ อย่างไรก็ตาม เรามองว่าที่ระดับปัจจุบันดัชนี SET ยังมี value ดีอยู่ แม้จะมีการปรับลดเป้าดัชนี SET ลงก็ตาม โดยเราได้ปรับลดมูลค่าเหมาะสมของดัชนีในปี 2566 ลงจากเดิมที่ 1,730 จุด เหลือ 1,670 จุด อิงจาก PE เป้าหมายที่ 16.0x ทั้งนี้ เรามองว่าความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ และ
ความกังวลที่ลดลงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยจะเป็นสองปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นในตลาดฟื้นตัวได้ ในขณะเดียวกัน เรายังคงเน้นหุ้นในธีมการบริโภค และการท่องเที่ยว อย่างเช่นกลุ่มธนาคาร commerce และโรงแรม ซึ่งได้แก่ BBL*, KTB*, CPALL*, HMPRO* และ ERW*