BEM - แนวโน้มกำไรแข็งแกร่ง (2 พฤษภาคม 2566)

BEM - แนวโน้มกำไรแข็งแกร่ง (2 พฤษภาคม 2566)

เราคงคำแนะนำ ซื้อ BEM TP 11.5 บาท ความกังวลประเด็นเซ็นสัญญาสายสีส้ม เป็นประเด็นกดดันราคาหุ้นนานและไม่สมเหตุสมผล ในโมเดลของเรา สัญญาสายสีสัมมีมูลค่าต่อ BEM เพียง 1 บาทต่อหุ้น หากไม่มีสายสีส้ม ปัจจัยพื้นฐานของ BEM ยังแข็งแกร่ง

เราคาดกำไร 1Q23 จะเติบโต 116% yoy และ 20% qoq หนุนจากจำนวนผู้ใช้บริการทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าใต้ดิน รวมถึงกำไรทั้งปีที่มีแนวโน้มเติบโต 52% yoy       

 

คาดกำไร 1Q เติบโตก้าวกระโดดทั้ง yoy และ qoq

เราคาดกำไร 1Q จะเติบโต 116% yoy และ 20% qoq เป็น 727 ลบ. หนุนจากจำนวนผู้ใช้บริการฟื้นตัวทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าใต้ดิน สมมติฐานหลักต่อประมาณการ 1Q23 ดังนี้: (i) รายได้เพิ่มขึ้น 32% yoy และ 4% qoq หนุนจากส่วนรถไฟฟ้าใต้ดิน (+56% yoy, +6% qoq) และทางด่วน (+19% yoy, +3% qoq) โดยสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายที่เริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปลาย 2019 ทำให้ธุรกิจรถไฟฟ้าใต้ดินเติบโตได้ต่อเนื่องทั้ง yoy และ qoq ส่วนจำนวนผู้ใช้บริการทางด่วนฟื้นตัวแตะระดับ 1.2ล้านเทียว/วัน ระดับในปี 2019; (ii) อัตรากำไรขั้นต้นที่ 43.7% จาก 38% ใน 1Q22 และ 38.8% ใน 4Q22 หนุนจาก อัตราทดการดำเนินงาน (operational leverage); และ (iii) อัตราส่วน SG&A /รายได้ ฟื้นตัวเป็น 7.3% จาก 8.5% ใน 1Q22 และ 7.9% ใน 4Q22 เนื่องจากเราคาดว่า BEM จะควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้นในช่วงการฟื้นตัว      

คงคาดการณ์กำไร FY23F โดยมีอัตราการเติบโต 52% yoy

เราคาดกำไร 1Q23 จะคิดเป็น 20% ของคาดการณ์กำไรทั้งปีนของเรา เราคงคาดการณ์กำไรทังปี FY23F ที่ 3.7 พันลบ. (+52% yoy) ไว้ แม้จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่เราคาดแนวโน้มกำไรใน 2Q จะเร่งตัวจาก 1Q23 เนื่องจาก BEM มักมีรายได้เงินปันผลจาก CKP ประมาณ 200-300 ลบ. ต่อไตรมาส 

 

คงคำแนะนำ ซื้อ  TP 11.5 บาท

เรามองการปรับตัวลงของราคาหุ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาอาจเป็นผลจากความไม่แน่นอนในประเด็นสายสีส้ม อย่างไรก็ตามแม้เราจะหักมูลค่าสัญญาสายสีสัมประมาณ 1 บาทต่อหุ้นจาก TP ของเราจะเปลี่ยนเป็น 10.5 บาท ก็ยังมีอัพไซด์จากราคาหุ้นในปัจจุบัน