Investment Strategy - เศรษฐกิจไทยเดือนมีนาคมอ่อนแอลงในวงกว้าง

ทั้งนี้ในฝั่งอุปทาน กิจกรรมในภาคการผลิตยังคงหดตัวลงหนักขึ้นที่ -4.6%yoy จาก -2.4% ในเดือนก.พ. ซึ่งอุตสาหกรรมที่การผลิตอ่อนแอมากที่สุดในเดือนมี.ค. ได้แก่ F&B (-5.9%), เคมีภัณฑ์ (-7.3%) และ IC & Semiconductor (-6.1%) ซึ่งกิจกรรมในภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงเป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงมาอยู่ที่ 60.8% จาก 61.6%  ทั้งนี้ มีเพียงอุตสาหกรรมยานยนต์เท่านั้นที่ยังดีอยู่ โดยยังขยายตัวได้ 6.7% และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 76.6% เราพบว่ากิจกรรมที่ชะลอตัวลงในฝั่งอุปทานส่งผลต่อการลงทุนภาคเอกชน ทำให้ติดลบ 1.6% ในเดือนนี้ ส่วนในด้านการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ยังขยายตัวได้ดีที่ 6% yoy จาก 3.9% ในเดือนก.พ. แต่ส่วนใหญ่มาจากการจับจ่ายในภาคบริการ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 28.2% yoy ส่วนการจับจ่ายใช้สอยในภาคอื่น ๆ (สินค้าคงทน, กึ่งคงทน, และไม่คงทน) ยังมีแนวโน้มชะลอตัวลงอยู่ต่อไป สำหรับในแง่บวก เราพบว่าตลาดงานยังคงแข็งแกร่ง เพราะมีจำนวนผู้ลงทะเบียนประกันสังคมเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นจำนวนที่เท่ากับระดับก่อน COVID ระบาดแล้ว

 Analysis

เราพบว่ามีความเสี่ยงอย่างชัดเจนที่เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลงอีกในเดือนต่อ ๆ ไป เพราะปัจจัยเศรษฐกิจหลายตัวยังแสดงสัญญาณที่อ่อนแอ เพราะในขณะที่ภาคบริการยังค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยตัวเลขที่ออกมาแสดงว่ากำลังขยับเข้าไปใกล้ระดับก่อน COVID ระบาดแล้ว แต่เรายังไม่แน่ใจว่าตัวเลขดังกล่าวจะขยับขึ้นไปเกินระดับก่อน COVID ได้ไกลแค่ไหน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงอยู่ในขณะนี้ ถึงแม้ว่าตัวเลขการส่งออกของไทยจะออกมาดีเกินคาด แต่ยังต้องติดตามตัวเลขที่ฉายภาพแนวโน้มในอนาคตอย่างเช่น การส่งออกในภูมิภาค และยอดคำสั่งซื้อในตลาดส่งออกต่อไปว่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ เพราะตัวเลขที่แข็งแกร่งอาจจะเป็นเพียงการส่งออกล่วงหน้าก่อนเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น ดังนั้น เราจึงยังต้องระมัดระวังมาก ๆ กับแนวโน้มของสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีความคาดหมายมากขึ้นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า