SCGP คาดจะฟื้นตัวอย่างช้าๆท่ามกลางความกังวล

SCGP คาดจะฟื้นตัวอย่างช้าๆท่ามกลางความกังวล

ผู้บริหารเชื่อว่า SCGP จะได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากการที่จีนเปิดประเทศและการที่ราคาวัตถุดิบและพลังงานลดลง

ทั้งนี้ ราคากระดาษรีไซเคิล (RCP) ปรับลงมาต่อเนื่องจากระดับสูงใน 1Q65 สะท้อนถึงกำลังซื้อที่ยังเปราะบาง นอกจากนี้เรายังพบว่าราคาขายถูกกดดันจากการเพิ่มการผลิตของผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ในตลาดทั้งรายเดิม และรายใหม่ ในขณะที่อุปสงค์ยังไม่กลับมาระดับปกติ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังอ่อนแอจากความกลัวว่าเศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้ SCGP ได้ประกาศดีลแรกของปีนี้ คือ Starprint Vietnam JSC (SPV) ซึ่งเป็นผู้ผลิตกล่องกระดาษพับในเวียดนาม โดยจะใช้เงินลงทุน 1.5 พันลบ. สำหรับการซื้อสัดส่วนหุ้น 70% และคาดว่าจะปิดดีลได้ใน 3Q66 อย่างไรก็ตาม รายได้ของ SPV ในปี 2565 อยู่ที่ 1 พันลบ. และกำไรอยู่ที่ 135 ลบ. คิดเป็น 1-1.5% ของกำไรปี 2566-67F ของเราเท่านั้น

 

ผลประกอบการ 1Q66 – ดีกว่าประมาณการของเรา 34% และดีกว่าประมาณการของตลาด 7%

กำไรสุทธิใน 1Q66 อยู่ที่ 1.22 พันลบ. (-26% YoY, +171% QoQ) ดีกว่าคาดเนื่องจากต้นทุนต่ำกว่าคาด ทั้งนี้หากไม่รวมกำไร FX และอื่น ๆ กำไรหลักจะอยู่ที่ 1.18 พันลบ. (-31% YoY, +88% QoQ) คิดเป็น 20% ของกำไรปี 2566F ของเรา โดยกำไรที่ลดลง YoY เป็นเพราะต้นทุนเพิ่มขึ้นในขณะที่อุปสงค์ยังอ่อนแอ ส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ เป็นเพราะต้นทุนลดลง แต่ยอดขายทรงตัว ซึ่งนอกจากค่าระวางขนส่งจะลดลงแล้ว SCGP ยังได้อานิสงส์จากราคากระดาษรีไซเคิลอยู่ในขาลงด้วย โดย bencemark ลดลงถึง 19% QoQ เหลือ US$163/ton ใน 4Q65 ทั้งนี้การที่จีนเปิดประเทศ และเศรษฐกิจใน ASEAN ฟื้นตัว (ส่วนหนึ่งมาจากเทศกาลตรุษจีน) ปริมาณยอดขาย และ margin ของ integrated packaging (76% ของยอดขาย)
จึงเพิ่มขึ้น ทำให้ EBITDA margin เพิ่มขึ้นเป็น 14.3% (จาก 10.5% ใน 4Q65) ส่วน EBITDA margin ของ Fibrous ลดเหลือ 12.6% (จาก 13.2% ใน 4Q65) เพราะอุปสงค์ที่อ่อนแอของ dissolving pulp ดังนั้น EBITDA margin รวมจึงขยับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 14.4% (จาก 13.3% ใน 1Q65 และ 11.1% ใน 4Q65)

 

 

น่าจะเห็นอะไรในช่วงที่เหลือของปี 2566…?

เรามองว่าการที่ SCGP จะกลับไปมีกำไรรายไตรมาสสูง ๆ เป็นเรื่องที่ท้าทายในช่วงที่ตลาดไม่เอื้ออำนวย เพราะถูกกดดันจากทั้งทางด้านของราคาขายและปริมาณยอดขาย รวมถึงไม่มีดีล M&A ใหญ่ ๆ เราคิดว่า การฟื้นตัวของจีนยังเป็นตัวกำหนดโมเมนตัมของอุปสงค์บรรจุภัณฑ์ โดยเราคาดว่ากำไรน่าจะทยอยฟื้นตัวขึ้นได้ใน 2Q66F (-YoY, +QoQ) นำโดยอุปสงค์ที่แข็งแกร่งขึ้น ขณะที่ต้นทุนก็น่าจะที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

เราคาดว่ากำไรน่าจะดีดตัวแรงใน 3Q66-4Q66F (+YoY, +QoQ) เพราะการประหยัดต่อขนาดเพิ่มขึ้น และได้อานิสงส์ชัดเจนขึ้นจากต้นทุนขาลง (โดยเฉพาะราคาถ่านหิน และอัตราค่าระวางขนส่ง) ตาม lagging effect ทั้งนี้สถานการณ์ที่ต้นทุนลดลง margin ของ SCGP น่าจะเพิ่มขึ้นเพราะราคาขายลดลงช้ากว่าต้นทุน

 

Valuation and action

เรายังแนะนำ ถือ ด้วยราคาเป้าหมายที่ 50.00 บาท อิงจาก EV/EBITDA ที่ 10.5x (ค่าเฉลี่ยของหุ้นของธุรกิจนี้ในต่างประเทศ) เราเชื่อว่าราคาหุ้นจะยังคงอยู่ในช่วงแคบ ๆ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการฟื้นตัวที่ช้า ในขณะที่ราคาหุ้นค่อนข้างแพงแล้ว เราแนะนำให้นักลงทุนรอดูสถานการณ์ไปก่อน โดยควรรอให้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของกำไรที่แข็งแกร่งขึ้นและเร็วขึ้นกว่านี้ก่อน

 

Risks

ความผันผวนวัตถุดิบและพลังงาน, การด้อยค่าของสินทรัพย์จากดีล M&As และความเสี่ยงของประเทศ