หุ้นไฟฟ้ายังได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซที่ลงมากกว่า Ft ที่จะถูกปรับลด

หุ้นไฟฟ้ายังได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซที่ลงมากกว่า Ft ที่จะถูกปรับลด

ตลาดระยะสั้นอาจตอบรับเชิงลบต่อการปรับประมาณการและแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ภาพรวมปัจจัยภายนอกระยะสั้นอาจผันผวนจากสหรัฐฯ

เนื่องจาก 1) แนวโน้มผลประกอบการโดยรวมที่ยังไม่สดใส โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี ที่ทั้งรายได้และกำไรออกมาต่ำกว่าตลาดคาด 2) ตัวเลขภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และอาจเป็นสัญญาณเตือนของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย 3) เงินกู้ฉุกเฉินที่เฟดให้ธนาคารพาณิชย์สามารถกู้ไปใช้แก้ปัญหาสภาพคล่อง ขยับเพิ่มขึ้นครั้งแรก หลังลดลงมาตั้งแต่กลาง มี.ค.66 

ปัจจัยในประเทศ ระยะสั้นผันผวนจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1) การปรับลดลงแรงของราคาหุ้นหลายตัว ลดลงจนไปถึงระดับที่ trigger ให้เกิดการบังคับขายสำหรับลูกค้าในบัญชีมาร์จิ้น 2) ความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้ง ทำให้เกิดการปรับพอร์ตการลงทุน 3) ความเสี่ยงของหุ้น STARK ทีอาจนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ อาจกระทบต่อการตั้งสำรองของธนาคารใหญ่ อย่างไรก็ตาม KBANK รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/66 ที่ 10,741 ล้านบาท (ดีกว่าคาดการณ์ของ Concensus ที่ 10,808 ล้านบาท) 
 

ประเมินมุมมองการลงทุนช่วง 3 เดือนข้างหน้ามีโอกาสเกิด relief rally จาก 1) Honeymoon period rally หลังการเลือกตั้ง จากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 2) การหยุดขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดทำให้เกิดบรรยากาศลงทุนที่ผ่อนคลายต่อสินทรัพย์เสี่ยง คล้ายปี 2008 และ 2019 และ 3) ภาพรวมเศรษฐกิจเอเชียที่เติบโตกว่าสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้เอเชียยังน่าสนใจและมีสถานะ safe haven อย่างไรก็ตาม เรามองเน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากท่องเที่ยว การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และหุ้นปลอดภัย เป็นหลัก ภาพรวมกลยุทธ์ยังเน้นหุ้นที่เติบโตในปี 2566 และการปรับพอร์ตลงทุนให้มีสัดส่วนหุ้นปลอดภัยที่สูงขึ้น โดยมีหุ้นที่เราชอบ ได้แก่ CPALL, MAKRO, BJC, WHA, AMATA, ROJNA, PTG, OR, MAJOR, SPA, ERW, VRANDA, BGC, M, SORKON, SNP, BGRIM, GPSC, GULF, GUNKUL, ADVANC 

 

ภาพรวมกลยุทธ์: คาดผลประกอบการหุ้นธนาคารที่ดีหนุนบรรยากาศลงทุนระยะสั้น นอกจากนี้ตลาดน่าจะตอบรับเชิงลบมากไปต่อข่าวการปรับลดค่า Ft ของกลุ่มไฟฟ้า ซึ่งภาพใหญ่ผลดีจากต้นทุนที่ลดลงจะเร็วและมากกว่ารายได้ Ft ที่ลดลง  ขณะที่การลงทุนเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) โดยเฉพาะสาธารณูปโภคและค้าปลีก

หุ้นแนะนำ: BGRIM*, WHAUP*, ROJNA*, KSL*

แนวรับ: 1,555 / แนวต้าน : 1,573-1,589 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

 

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

Beige Book ชี้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวหลังแบงก์คุมเข้มสินเชื่อ –  เฟดเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐชะงักงันในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่การจ้างงานและเงินเฟ้อชะลอตัวลง และการเข้าถึงสินเชื่อลดน้อยลงด้วย

เตรียมพิจารณาปรับลดค่า Ft งวดพ.ค.-ส.ค. – อนุกก.ค่าไฟจะพิจารณาเรื่องการปรับลดค่าไฟฟ้าเอฟทีสำหรับงวดพ.ค.-ส.ค.66 ตามที่กฟผ. เสนอขอรับภาระยืดหนี้การชำระค่าไฟฟ้าที่รับภาระแทนประชาชนไปก่อนจาก 2 ปี เป็น 2 ปี 4 เดือน ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยงวดที่ 2 ของปีนี้ เดือนพ.ค.-ส.ค. ลดลงจาก 4.77 บาท หากได้รับความเห็นชอบก็จะประกาศลดค่าไฟฟ้าต่อไป

TOA ยันไม่เกี่ยวข้องกับ STARK – TOA ชี้แจงว่า บริษัทไม่มี หรือเคยมีความเกี่ยวข้องใดๆกับ STARK ทั้งในด้านการลงทุน การถือหุ้น หรือการร่วมบริหารงาน แม้ว่ากรรมการของบริษัทบางท่าน ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ และ/หรือผู้บริหารของ STARK การดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัวและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทแต่อย่างใด

 

ประเด็นติดตาม: 25 เม.ย. – US New Home Sales/ 26 เม.ย. – Core Durable Goods Orders / 27 เม.ย. – US GDP, Pending Home Sales / 28 เม.ย. – US Core PCE 

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)