ระยะสั้นตลาดยังไร้ปัจจัยผลักดันที่ชัดเจน 

ระยะสั้นตลาดยังไร้ปัจจัยผลักดันที่ชัดเจน 

ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ มี.ค. เพิ่มขึ้น 236,000 ราย มากกว่าคาดการณ์ที่ 230,000 ราย

แม้จะชะลอตัวลงจาก ก.พ.ที่ 326,000 ราย แต่เมื่อรวมกับอัตราการว่างงานที่ 3.5% (คาดการณ์ที่ 3.6%) และค่าจ้างรายชั่วโมง ที่เพิ่มขึ้น 4.2% (คาดการณ์ที่ 4.3%) ทำให้ภาพรวมของภาวะแรงงานยังแข็งแกร่ง ทำให้ตลาดประเมินไปในทิศทางที่มีโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุม 3 พ.ค. นี้ ด้วยความน่าจะเป็น 68.3% (vs. ความน่าจะเป็นที่จะคงดอกเบี้ยที่ 31.7%) 

ตลาดแกว่งตัวทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก ที่สำคัญ ได้แก่ 1) ญี่ปุ่นเปลี่ยนตัวผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คนใหม่เป็นคาซูโอะ อุเอดะ ซึ่งมีความท้าทายสำคัญคือการปรับนโยบายของ BOJ จากผ่อนคลายสุดขั้วมาเป็นตึงตัวมากขึ้น โดยไม่ทำให้ต้นทุนการเงินสูงเกินไป 2) ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ 12 เม.ย. คาด CPI มี.ค. ออกมา +0.2% MoM และ 5.1% YoY (ชะลอจาก ก.พ.ที่ +0.4% moM และ +6.0% YoY) 3) การเปิดเผยนโยบายของพรรคการเมืองในประเทศ ที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจลงคะแนน ตลอดจนกำลังซื้อ และการบริโภคหลังการเลือกตั้ง
 

ไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เรายังคงมุมมองบวกต่อการเสนอขายไฟรอบนี้ที่ได้ผลตอบแทนตามราคา Feed-in-tariff ที่ระบุไว้แล้ว (ต่างกับรอบก่อนที่ผู้ชนะคือผู้ประมูลราคาต่ำสุด ซึ่งอาจมีความเสี่ยงเรื่องผลตอบแทนการลงทุน) ทั้งนี้เรามองบวกต่อผู้ชนะการประมูลที่มีกำลังการผลิตเพื่อมมากและมีผลตอบอัพไซด์ของหุ้น ได้แก่ ETC (Not rated) ประมาณ 80MW และ GUNKUL (Not rated) ประมาณ 830MW // ขณะที่ GULF (2,500MW) BGRIM (340MW หรือ 160MW ตามสัดส่วนการถือหุ้น) และ BCPG (12MW) คาดว่าผลบวกต่อกำไรอาจไม่ได้มีนัยสำคัญ (หรืออาจใช้เวลานานมากที่จะรับรู้)

ภาพรวมกลยุทธ์: ตลาดระยะสั้นยังอาจผันผวนจากปัจจัยต่างๆที่เข้ามากระทบ เก็งกำไรระยะสั้น อาจเลือกน้ำตาลและกลุ่มไฟฟ้าหมุนเวียน (หลังตลาดได้รับข้อมูลปัจจัยบวกเพิ่มเติม) ขณะที่การลงทุนเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) โดยมีหุ้นที่เราชอบ ได้แก่ CPALL, MAKRO, BJC, WHA, AMATA, ROJNA, PTG, OR, MAJOR, SPA, ERW, VRANDA, BGC, M, SORKON, SNP, BGRIM, GPSC, GULF, GUNKUL, ADVANC เป็นต้น

หุ้นแนะนำ: GUNKUL*, ETC*, ROJNA*, KSL*

แนวรับ: 1,568 / แนวต้าน : 1,584-1,590 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

 

 

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

สหรัฐเผยจ้างงานนอกภาคเกษตร +236,000 – ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 236,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 238,000 ตำแหน่ง

ยอดขายรถไฟฟ้าทั่วโลกปี 65 พุ่ง 66% จีนกวาดยอดขายสูงสุด - ยอดขายรถพลังงานไฟฟ้าทั่วโลกพุ่งถึง 66.6% ในปี 2565 จากระดับปี 2564 แตะ 7.26 ล้านคัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรม ขณะที่จำนวนยอดขายรถไฟฟ้าทั่วโลกในปีที่แล้ว คิดเป็นสัดส่วน 9.5% ของจำนวนยอดขายรถทั่งหมด 76.21 ล้านคัน ซึ่งขยายตัวขึ้นจากระดับ 5.5% ในปี 2564

ยอดพักโรงแรมมี.ค.ทรงตัว คาด Q2/66 ชะลอ หลังหมดฤดูกาลท่องเที่ยว - ธปท. เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม เดือนมี.ค.66 พบว่า อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 66% ทรงตัวจากเดือนก่อน โดยโรงแรมที่รับนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลัก จะมีอัตราการเข้าพักปรับดีขึ้นเล็กน้อย ตามการใช้สิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ส่วนนักท่องเที่ยวจีนในช่วงไตรมาส 1/66 กลับเข้ามาไม่มากนัก แต่ไตรมาส 2/66 มีแนวโน้มปรับดีขึ้น

 

ประเด็นติดตาม: 12 เม.ย. - US CPI, FOMC Meeting Minutes / 13 เม.ย. - US PPI / 14 เม.ย. - US Retail Sales / 18 เม.ย. – US Building Permits / 19 เม.ย. – EU CPI / 20 เม.ย. – US Existing Home Sales / 25 เม.ย. – US New Home Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)