M - GPM ถูกกดดัน (16 มีนาคม 2566)

M - GPM ถูกกดดัน (16 มีนาคม 2566)

บริษัทตั้งเป้าว่ารายได้ปี 2566 จะฟื้นตัวกลับขึ้นไปใกล้ระดับก่อน COVID ระบาดจากการบริโภคที่ดีขึ้นและการขยายสาขาร้าน ซึ่งหมายความว่ารายได้ในปีนี้จะโต 15-20% YoY

ในขณะที่สมมติฐานอัตาการเติบโตของรายได้ปีนี้ของเราที่ 5% YoY อาจจะอนุรักษ์นิยมมากเกินไป ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาร้าน MK/ยาโยอิ/LCS เพิ่มอีก 10/10/7 ร้านในปี 2566F ในขณะที่สมมติฐานของเราอยู่ที่ 10/10/5 ร้านส่วนในแง่ของอัตรากำไรขั้นต้นนั้น ราคาเป็ด (15-20% ของต้นทุนวัตถุดิบ) เพิ่มขึ้น 10-15% จากราคาเฉลี่ยเต็มปีในปี 2565 และแม้ว่าราคาหมูจะมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทอาจจะไม่ได้อานิสงส์เต็มที่เพราะมีการกำหนดราคาหมูเอาไว้คงที่หนึ่งปี ดังนั้น บริษัทจึงคาดว่า GPM จะทรงตัว YoY (GPM ปี 2565 อยู่ที่ 65.3%) ซึ่งน่าจะทำให้สมมติฐาน GPM ปี 2566 ของเราที่ 68.0% มี downside อีก

 

คาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้น YoY ใน 1Q66F

เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มกำไรใน 1Q66 โดย SSSG ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 13-14% YoYเพราะการบริโภคเพิ่มขึ้นจากผลของฐานที่ต่ำ ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับขึ้นราคาประมาณ 4% ในเดือนกุมภาพันธ์เพื่อบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบ (ที่เพิ่มขึ้น 5-6%) ในขณะเดียวกัน บริษัทยังบริหารจัดการค่าใช้จ่าย SG&A ได้ดี

 

 

 

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2566F/2567F ลง 16%/6%

จากเป้าหมายของบริษัททำให้เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2566F/2567F ลง 16%/6% เพื่อสะท้อนถึง i) การปรับเพิ่มสมมติฐานรายได้ในปี 2566F/2567F ขึ้นอีก 4%/8% ซึ่งจะทำให้รายได้โต 11%/3% ii) การปรับลดสมมติฐาน GPM ในปี 2566F/2567F ลงเหลือ 65.6%/66.7% (จากเดิมที่ 68.0%/68.1%) ทั้งนี้ หลังจากที่ปรับประมาณกำไรแล้ว เราคาดว่ากำไรของ M ในปี 2566F จะอยู่ที่ 2.0 พันล้านบาท (+37%YoY) และในปี 2567F จะอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท (+15% YoY) เนื่องจาก i) ยอดขายเพิ่มขึ้น และ ii) สัดส่วน SG&A/ยอดขายลดลง

 

Valuation & action

เมื่ออิงตามประมาณการใหม่ เราปรับลดราคาเป้าหมายปี 2566 ลงเหลือ 57.50 บาท (PE ที่ 27x เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีต) จากเดิมที่ 68.75 บาท ทั้งนี้ เนื่องจากเหลือ upside จำกัด เราจึงปรับลดคำแนะนำจาก ซื้อ เป็นถือ

 

Risks

เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้, SSSG ชะลอตัวมากกว่าที่คาด, การแข่งขันในธุรกิจอาหาร