Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 6 March 2023

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 6 March 2023

ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หลังตลาดคาดธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องท่ามกลางความต้องการใช้น้ำมันจากจีนมีแนวโน้มฟื้นตัว

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 75-85 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 81-91 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

 

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 6 March 2023

 

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (6 – 10 มี.ค. 66)  

ราคาน้ำมันดิบคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กลับมาขยายตัวอีกครั้งในเดือน ก.พ. 66 เป็นอุปสรรคต่อความพยายามในการสกัดอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมาย ส่งผลให้ธนาคารกลางสหัฐฯ (FED) มีแนวโน้มเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 3 ครั้งถัดไป และจะคงอัตราดอกเบี้ยระดับสูงตลอดทั้งปี สร้างความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ  นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกันแตะระดับ 480.2 ล้านบาร์เรล และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในสหรัฐฯ ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบภายในประเทศปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้น้ำมันจากจีนยังคงแข็งแกร่งหลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหนุนราคาน้ำมัน

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

-  ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง กดดันต่อราคาน้ำมัน หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อสหรัฐฯ (PMI) เดือน ก.พ. 66 ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 50.2 สูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 46.8 นับเป็นการยืนเหนือ 50 ครั้งแรกในรอบ 7 เดือน นอกจากนี้ ตลาดยังคงจับตาอัตราการว่างงานสหรัฐฯ (unemployment rate) เดือน ก.พ. 66 ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำใกล้เคียงระดับเดิมที่ 3.4-3.5% บ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่ยังคงร้อนแรงเป็นอุปสรรคต่อการควบคุมอัตราเเงินเฟ้อ ธนาคารกลางสหรัฐฯ จึงมีแนวโน้มเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายแตะระดับ 5.25-5.50% ในการประชุม 3 ครั้งถัดไป เพื่อชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจและควบคุมอัตราเงินเฟ้อสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% กดดันต่อราคาน้ำมัน 

-  ราคาน้ำมันดิบคาดว่าจะได้แรงกดดันจากอุปทานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 24 ก.พ. 66 ปรับเพิ่มขึ้นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 480.2 ล้านบาร์เรล สูงที่สุดตั้งแต่ พ.ค. 65 และคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ โรงกลั่นในสหรัฐฯ ที่เริ่มเข้าสู่ช่วงปิดซ่อมบำรุง ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบเข้ากลั่นปรับลดลงราว 31,000 บาร์เรลต่อวันจากสัปดาห์ก่อนหน้า

 


 

-  ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคการผลิตของจีน (manufacturing PMI) เดือน ก.พ. 66 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.6 สูงสุดในรอบ 10 ปี และ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงระดับเดิมราว 2.1-2.2% จะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันในจีนปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและส่งแรงหนุนต่อราคาน้ำมัน ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เมื่อเดือน ก.พ. 66 ที่ปรับความต้องการใช้น้ำมันโลกในปี 66 เพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรลต่อวัน มาเติบโตที่ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเป็นการเติบเติบโตจากจีนเป็นหลักราว 900,000 บาร์เรลต่อวัน

-  ตลาดยังคงกังวลอุปทานน้ำมันมีความเสี่ยงที่จะปรับลดลง หลังรัสเซียมีแผนลดการส่งออกน้ำมันดิบในเดือน มี.ค. 66 ราว 625,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่ รัสเซียระงับการขนส่งน้ำมันผ่านท่อ Druzhba ไปยังโปแลนด์ หลังโปแลนด์ส่งมอบรถถังให้กับกองกำลังยูเครนเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ เหตุการณ์สะพานและดินถล่มหลังฝนตกหนักในเอกวาดอร์ในวันที่ 22 ก.พ. 66 ส่งผลให้ต้องหยุดการขนส่งน้ำมันดิบไปยังท่าเรือชั่วคราว และทำให้การส่งออกน้ำมันดิบลดลงราว 240,000-260,000 บาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม ท่อดังกล่าวคาดว่าจะสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติในเร็ววัน

-  เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนียอดค้าปลีกยูโรโซน (Retail sales) ในเดือน ก.พ. 66 และการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐฯ (Non-farm payrolls) ในเดือน ก.พ. 66 

 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (27 ก.พ. – 3 มี.ค. 66)  

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 4.10 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 79.78 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับเพิ่มขึ้น 3.38 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 85.83 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล  ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 83.11 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหนุนความต้องการใช้น้ำมัน หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคการผลิตของจีน (manufacturing PMI) เดือน ก.พ.66 แตะระดับ 56.2 สูงสุดในรอบ 10 ปี นอกจากนี้ ตลาดกังวลอุปทานน้ำมันรัสเซียที่มีแนวโน้มลดลงในเดือน มี.ค. 66 หลังรัสเซียประกาศลดการส่งออกน้ำมันดิบราว 625,000 บาร์เรลต่อวัน มากกว่าการประกาศก่อนหน้านี้ที่ 500,000 บาร์เรลต่อวัน