การเลือกตั้งเป็นปัจจัยผลักดันหุ้นบริโภคในประเทศ 

การเลือกตั้งเป็นปัจจัยผลักดันหุ้นบริโภคในประเทศ 

การยุบสภาสร้างความได้เปรียบให้พรรคการเมืองใหม่ คาดเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วง 7-21 พ.ค. นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงความตั้งใจที่จะยุบสภาในช่วง มี.ค.ซึ่งจะปูทางให้เกิดการเลือกตั้งในช่วง พ.ค.

ทั้งนี้ การยุบสภาในช่วงนี้จะสร้างความได้เปรียบให้กับพรรคการเมืองที่ตั้งใหม่ โดยเฉพาะพรรคที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมอย่าง “รวมไทยสร้างชาติ” ที่จะสามารถหารวบรวมผู้สมัครและส.ส.ปัจจุบันของพรรคต่างๆ เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคและผู้สมัครส.ส. เนื่องจากการรยุบสภาจะย่นระยะเวลาการดำรงสมาชิกสภาพพรรคการเมือง เหลือเพียง 30 วัน เทียบกับ 90 วันหากหมดวาระตามปกติ เราคาดการเลือกตั้งอาจเกิดขึ้นตามกำหนดการเดิมของกลต.ในวันที่ 7 พ.ค. หรืออาจล่าช้าไปถึง 21 พ.ค. หากการยุบสภาเกิดขึ้นในวันที่ 22 มี.ค. (ก่อนการหมดวาระส.ส.เพียง 1 วัน)

 

เป็นปัจจัยหนุนช่วงก่อนเลือกตั้ง แต่เป็นความเสี่ยงหลังวันเลือกตั้ง เราประเมินว่าความเชื่อมั่นผู้บนิโภค และความคาดหวังต่อการเปลี่ยนแปลงจะเป็นปัจจัยบวกต่อการจับจ่ายและกิจกรรมทางเศรษฐกิจก่อนการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามเราประเมินการเลือกตั้งจะพลิกกลับเป็นปัจจัยเสี่ยงหลังการเลือกตั้งแล้วเสร็จ เนื่องจากขั้นตอนรับรองการเลือกตั้งที่ยาวนาน (คาดประกาศผลได้ต้น ก.ค.) รวมถึงความซับซ้อนของกระบวนการโหวตนายกรัฐมนตรี (คาดว่าสิ้นเดือน ก.ค.) และการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (คาดว่าต้น ส.ค.) ผลของกระบวนการที่ยาวนานทำให้มีความเสี่ยงที่การใช้จ่ายภาครัฐอาจล่าช้าซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ได้ เรามองกลุ่มที่จะได้ประโยชน์ คือ ค้าปลีก, สื่อ, อสังหาริมทรัพย์, นิคมอุตสาหกรรม และสื่อสาร หุ้นเด่นสำหรับการเลือกตั้ง เราเลือก ADVANC, CPALL, MAJOR, OR, TIDLOR, WHA 
 

ประเด็นลงทุนระยะกลางที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR 2) หุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว (พลังงาน ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์) ได้แก่ PTTGC, IRPC, SCGP, AJ, PTL, SCC, PTTEP, PTT 3) กลุ่มบริโภคและการย้ายฐานการผลิต ได้แก่ WHA, AMATA, ROJNA 4) การขายไฟพลังงานทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP, BGRIM, GPSC, EGCO 5) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ DMT, TVDH, FLOYD, SORKON, ASW, S, CBG, AEONTS, SAMART, SDC 6) กลุ่มน้ำตาล เข้า high season และปริมาณการผลิตไทยสูงสุดในรอบ 3 ปี ดีกับ KSL, KTIS, KBS, BRR

 

ภาพรวมกลยุทธ์: ตลาดยังผันผวนจากการปรับพอร์ตของต่างชาติและการรายงานงบรายตัวในระยะสั้น การเก็งกำไรระยะสั้นเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) ได้แก่ กลุ่มเปิดเมืองที่ยังขึ้นน้อย, ค้าปลีก (ที่ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวกลับมา), ปิโตรเคมี, การเงิน, โภคภัณฑ์ (เฉพาะเหล็กและน้ำตาล) และหุ้นที่มีปัจจัยบวกรายตัว โดยหุ้นที่เรามองสามารถทยอยสะสม ได้แก่ MAJOR, CPALL, MAKRO, BJC, PTTGC, IRPC, TIDLOR, AMANAH, MILL, TSTH, KSL, ROJNA, SAMART, SDC เป็นต้น //หุ้นแนะนำ: MAKRO*, ROJNA*, MAJOR*, SAMART*

แนวรับ: 1,635-1,650 / แนวต้าน : 1,659 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 12 – ลดลง 0.7% สู่ระดับ 4.00 ล้านยูนิตในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2553 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.10 ล้านยูนิต โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน

ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหรัฐดีดตัวสูงสุดรอบ 8 เดือน -  ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.2 ในเดือนก.พ.

Walmart กำไร,รายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 4/65 – EPS 1.71 ดอลลาร์/หุ้น vs Consensus 1.51 ดอลลาร์/หุ้น 1.6405 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่คาดการณ์ 1.5972 แสนล้านดอลลาร์

ส่งออกรถยนต์ ม.ค. โต 24.28% ลุ้นทั้งปีทะลุเป้า 1.05 ล้านคัน – สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือน ม.ค.66 อยู่ที่ 86,786 คัน เพิ่มขึ้น 24.28% จากเดือน ม.ค.65 หลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ได้รับการส่งมอบชิป

รฟม.เก็งศาลปกครองสูงสุดใกล้พิพากษาคดีสายสีส้มเตรียมชงเข้าครม. – ความคืบหน้าการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ว่า ขณะนี้ รฟม.รอคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดจากคดีที่รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกมาตรา 36 ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มถูกฟ้อง คาดว่าใกล้มีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด

Opportunity day - 22 ก.พ.: SMPC, HENG, GC, EPG, THREL, ALT / 23 ก.พ.: TASCO, MGT, THANI, III, MTC, ERW, SUN / 24 ก.พ.: WICE, LHK, SPALI, PT, OSP, NETBAY, SECURE

 

ประเด็นติดตาม: 23 ก.พ. - EU CPI, US GDP Q4 / 24 ก.พ. – US Core PCE Price Index / 27 ก.พ. – US Pending Home Sales / 28 ก.พ. -CB Consumer Confidence / 1 มี.ค. – ISM Manufacturing PMI

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)