นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาเดือนมีนาคม (22 ก.พ. 2566)

วันอังคารที่ผ่านมา ในภาคเช้าดัชนีแกว่งตัวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ แต่ในภาคบ่ายแรงซื้อเร่งตัวขึ้น จากกรณีที่นายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่าแนวโน้มการยุบสภาน่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือน มี.ค.
ทำให้มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มค้าปลีก และอาหาร ที่ได้ประโยชน์จากการจับจ่ายใช้สอย ในช่วงเลือกตั้ง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,668.63 จุด +10.94 จุด +0.66% มูลค่าการซื้อขาย 66,040 ลบ. ต่างชาติ -4,247.95 ลบ. TFEX +4,562 สัญญา ตราสารหนี้ +4,845.40 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ IMF เผยรายงานว่า อุปสรรคทางเศรษฐกิจที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเผชิญเมื่อปีที่ผ่านมานั้นเริ่มลดน้อยลงบ้างแล้ว โดยภาวะทางการเงินโลกเริ่มผ่อนคลาย ราคาอาหารและน้ำมันปรับตัวลง และเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัวขึ้น
+ กิจกรรมเศรษฐกิจของฝรั่งเศสขยายตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้วในเดือนก.พ. โดยได้แรงหนุนจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงเล็กน้อยและตลาดงานที่แข็งแกร่ง
+ ครม. มีมติเห็นชอบโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ หรือโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3 ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยมีวงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท
+ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ยอดการผลิตรถยนต์เดือนม.ค. 2566 ผลิตได้ 157,844 คัน เพิ่มขึ้น 4%YoY จากการผลิตเพื่อส่งออก 91,532 คัน เพิ่มขึ้น 7%YoY
+ นายกรัฐมนตรีชี้แจงไทม์ไลน์การเลือกตั้งต่อที่ประชุมว่ากำหนดการยุบสภาจะมีภายในเดือน มี.ค.2566 ส่วนกรอบเวลาเลือกตั้งเป็นไปตามที่ กกต.ประกาศไว้ คือ 7 พ.ค.2566
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง 697.10 จุด หรือ -2.06% นักลงทุนกังวลว่าข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของกิจกรรมทางธุรกิจในสหรัฐจะผลักดันให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นเวลานานขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทค้าปลีก และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 18 เซนต์ -0.24% ปิดที่ 76.16 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
- ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.พ.ของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 50.2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 46.8 ในเดือนม.ค. โดยดัชนีที่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐมีการขยายตัว
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.95% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. 2565 เมื่อคืนนี้
- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียกล่าวแถลงนโยบายประจำปีต่อสมัชชาแห่งชาติว่า รัสเซียจะยังคงเดินหน้าทำสงครามในยูเครนต่อไป
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงกดดันจากความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นเวลานานขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะที่ปัจจัยในประเทศมีแรงหนุนจากการที่นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาภายในเดือนมี.ค. มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,660-1,675 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• จีนเปิดประเทศ+เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 : MINT CENTEL ERW SPA AU SHR
• หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
• หุ้นเชื่อมโยงการเมือง : TKS SIRI PR9 SC STEC
• หุ้นเข้าคำนวณ MSCI Global Standard : เข้า BANPU ออก - , MSCI Global Small Cap : เข้า AURA BTG ONEE SNNP และ THCOM ออก BANPU COM7 TIDLOR และ TISCO มีผล 28 ก.พ.นี้
• BOI ส่งเสริมการลงทุนชิ้นส่วน EV : EA GPSC BCP DELTA PIMO FPI
หุ้นรายงานพิเศษ
READY - บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต จากัด (มหาชน)
mai / TECH (ราคา IPO 7.30 บาท)
ราคาเหมาะสม consensus 9.30-10.20 บาท
•READY ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการขายและการตลาดดิจิทัลแบบรวมเป็นหนึ่งเดียว (All-in-One Sales and Marketing Platform) ที่ครอบคลุมด้านเว็บไซต์ (Website), โฆษณาออนไลน์ (Online Advertising), ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) และ ระบบจองโรงแรมโดยตรง (Hotel Direct Booking) โดยให้บริการผ่านแพลตฟอร์มที่บริษัทเป็นผู้พัฒนาขึ้นเองพร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษา
•บริษัทมีรายได้ปี 62-64 และงวด 9M65 เท่ากับ 256 ลบ. 143 ลบ. 146 ลบ. และ 118 ลบ. ตามลำดับ และรายงานผลประกอบการ ปี 62-64 และงวด 9M65 มีกำไรสุทธิที่ 34 ลบ. -99 ลบ. 14 ลบ.และ 14 ลบ. ตามลำดับ สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ดีขึ้นในช่วงปี 2565 ทำให้รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการต่างๆ และเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ รวมถึงมีการออกโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตทยอยฟื้นตัวขึ้น บริษัทฯ จึงมีรายได้จากการให้บริการแพลตฟอร์มการจองโรงแรมโดยตรง เพิ่มขึ้น
•จำนวนหุ้น IPO ไม่เกิน 35.0 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 35.0% ของจานวนหุ้นทั้งหมด มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น โดยราคา IPO คิดเป็น historical P/E ที่ประมาณ 31.74 เท่า คิดเทียบกับ P/E บริษัทที่ใกล้เคียงกัน ได้แก่ HUMAN 59.06x IIG 42.64x และ NETBAY 33.76x วัตถุประสงค์การระดมทุน 1) ใช้สำหรับพัฒนาผลิตภัณฑ์ 2) ใช้สำหรับขยายทีมขายและทีมการตลาด ในการหาลูกค้าใหม่ 3) เป็นเงินทุนหมุนเวียน
หุ้นมีข่าว
(+) GPSC (Bloomberg consensus 80.00 บาท) จ่อรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตใหม่เพิ่ม 350 เมกะวัตต์ อัดฉีดงบ 1.5 หมื่นล้านบาท เดินหน้าหาการลงทุนโครงการใหม่ 300 เมกะวัตต์ วางเป้าเพิ่มยอดขายไฟฟ้า 10% และไอน้า 3% ให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม ด้านต้นทุนก๊าซธรรมชาติ-ถ่านหินเข้าสู่เทรนด์ขาลง หนุนต้นทุนปีนี้ปรับตัวดีขึ้น (ที่มา ทันหุ้น)
(+) GLORY (Bloomberg consensus - บาท) โชว์แคสโฟลว์เต็มมือ 180 ล้านบาท พร้อมลงทุน เอสเอ็มอี ปักเป้าเข้าลงทุน 8-12 บริษัทภายใน 3 ปี ฟากผู้บริหารตั้งเป้าดันรายได้ปี 2566 โต 20-50% แย้มเตรียมบุ๊กรายได้ระบบซีเคียวริตี้ปีนี้ มีลุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) GLOBAL (Bloomberg consensus 23.00 บาท) ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 5-10% พร้อมวางอัตรากำไรขั้นต้นแตะ 25% ปูพรมขยายสาขาในประเทศ 7 สาขา และต่างประเทศ ทั้งกัมพูชา-ลาว-เมียนมา-อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เพิ่มหลังเข้า JV กลับพันธมิตรท้องถิ่นรายใหญ่ เตรียมผุดสาขาแรกต้นปี 2567 (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SVI (Bloomberg consensus 10.50 บาท) เดินหน้าสร้างการเติบโตสู่เป้าหมาย 30,000 ล้านบาท ชูฐานการผลิตในไทยและกัมพูชา รับดีมานด์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่อยู่ในเมกะเทรนด์โลกพุ่ง ประกาศรุกผลิตแท่นชาร์จรถอีวีภายใต้แบรนด์ตัวเอง รับกระแสรถยนต์อีวีในไทยมาแรง หนุนอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น ตั้งเป้ายอดขายปีละ 1,500 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)







