PTTGC ผลประกอบการ 4Q65: ดีกว่าคาดเพราะกำไรพิเศษสองรายการ

PTTGC ผลประกอบการ 4Q65: ดีกว่าคาดเพราะกำไรพิเศษสองรายการ

PTTGC ขาดทุนสุทธิ 968 ล้านบาทใน 4Q65 (ลดลงจากกำไรสุทธิ 3.2 พันล้านบาทใน 4Q64 แต่ดีขึ้นจากขาดทุนสุทธิ 1.34 หมื่นล้านบาทใน 3Q65) ดีกว่า Bloomberg consensus 13% และดีกว่าประมาณการของเรา 48%

เนื่องจากมีกำไรพิเศษสองรายการได้แก่ i) กำไร 939 ล้านบาทจากการซื้อหุ้น AGC Vinithai (AVT) ซึ่งทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของ PTTGC ใน AVT เพิ่มขึ้นจาก 27.3% เป็น 32.7% และ ii) กำไร 848 ล้านบาทจากการจัดชั้นการลงทุนใน Thai Tank Terminal (TTT) ใหม่ หลังจากที่ PTTGC ลดการถือหุ้นลงจาก 51% เหลือ 36.4% แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ PTTGC จะมีผลขาดทุนจากธุรกิจหลัก 3.3 พันล้านบาทใน 4Q65 ซึ่งแย่ลง QoQ ทั้งนี้บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H65 ที่ 0.25 บาท/หุ้น กำหนดขึ้น XD วันที่ 27 กุมภาพันธ์ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเต็มปีที่ 2.0% ที่ราคาปัจจุบัน (รวมเงินปันผล 0.75 บาท/หุ้นใน 1H65)

 

มีผลขาดทุนสุทธิใน 4Q65

ผลประกอบการที่แย่ลง YoY เป็นเพราะ spread ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของ PTTGC แย่ลงเกือบทุกตัวส่วนผลประกอบการที่ดีขึ้น QoQ เป็นเพราะ i) มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 7.9 พันล้านบาท ดีขึ้นจากที่ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 4.4 พันล้านบาท หลังจากที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น 3.37 บาท/ดอลลาร์ฯ ใน 4Q65 และ ii) ผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันลดลงเหลือ 3.5 พันล้านบาท ดีขึ้นถึง 57% QoQ จากที่ขาดทุนจากสต็อกน้ำมันถึง 8.1 พันล้านบาท หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบดูไบลดลง US$14/bbl ใน 4Q65

 

 

 

ปัจจัยสำคัญที่น่าสนใจ

i) กำไรจากธุรกิจโรงกลั่นดีดตัวขึ้น QoQ ใน 4Q65 เพราะบริษัทมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันลดลงเหลือ 3.5 พันล้านบาท ดีขึ้น 57% QoQ จากที่ขาดทุนจากสต็อกน้ำมันถึง 8.1 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม อัตราการกลั่นลดลงถึง 44% QoQ เหลือ 81KBD เพราะมีการปิดโรงกลั่นตามแผนนาน 49 วัน ซึ่งทำให้ market GRM ของ PTTGC ลดลง 1% QoQ เหลือ US$9.7/bbl ด้วย แม้ว่า spread ของน้ำมันดีเซลจะดีขึ้น

ii) กำไรจากธุรกิจ olefins ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ QoQ เพราะราคา HDPE, LLDPE และ LDPE ลดลง 6-15% QoQ เหลือ US$1,034/ton, US$999/ton และ US$1,110/ton ตามลำดับ ในขณะที่ spread ของ PP ลดลง 14% QoQ เหลือ US$322/ton เนื่องจากมีอุปทานใหม่ของ olefins เพิ่มเข้ามาในตลาดเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ อัตราการใช้กำลังการผลิตในสาย olefins และ polymer ของบริษัทยังลดลง QoQ จาก 83% เหลือ 76% และจาก 101% เหลือ 95% ตามลำดับ เนื่องจากภาวะตลาด polyethylene อ่อนแอ

iii) กำไรจากธุรกิจ aromatics ลดลง QoQ หลังจากที่ spread ของ PX และ BZ-over-condensate ลดลง 10% QoQ เหลือ US$249/ton และ 42% QoQ เหลือ US$92/ton ตามลำดับ โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตในสาย aromatics ของบริษัทยังลดลง QoQ จาก 88% เหลือ 82% เพราะ spread ของ PX และ BZ แคบลง

iv) กำไรจากธุรกิจ performance chemicals (PC) ซึ่งส่วนใหญ่มาจาก Allnex ลดลง QoQ เพราะปริมาณยอดขายลดลง 1.83 แสนตัน (-11% QoQ) เนื่องจากอุปสงค์ต่ำตามฤดูกาล, กรณีพิพาทรัสเซียยูเครน-, และการที่จีนใช้มาตรการ lockdown เพื่อคุม COVID- นอกจากนี้ 19PTTGC ยังบันทึกผลขาดทุนพิเศษ 1.8 พันล้านบาทจากการปรับการวัดมูลค่าเหมาะสมของการลงทุนในสต็อกของ Allnex ในธุรกิจ PC แต่หากไม่รวมผลขาดทุนพิเศษ EBITDA จากธุรกิจหลักของธุรกิจ PC จะลดลง 80% QoQ เหลือ 465 ล้านบาท

v) สำหรับรายการพิเศษ บริษัทบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 7.9 พันล้านบาท ดีขึ้นจากที่บันทึกขาดทุนจาดอัตราแลกเปลี่ยน 4.4 พันล้านบาทใน 3Q65 หลังจากที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น 3.37 บาท/ดอลลาร์ฯ ใน 4Q65

 

Valuation

เรายังคงคำแนะนำ ถือ PTTGC โดยยังคงราคาเป้าหมายปี 2566 เอาไว้เท่าเดิมที่ 45.00 บาท อิงจาก EV/EBITDA ที่ 7.5x เราเชื่อว่าราคาหุ้นจะถูกกดดันจากผลการดำเนินงานจากธุรกิจหลักที่อ่อนแอใน 4Q65 และการปิด ethane cracker ตามแผนนาน 59 วันใน 1Q66

 

Risk

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ, GRM และ spread ปิโตรเคมี รวมถึงการปิด ethane cracker ตามแผนนานเกือบสองเดือนใน 1Q66