KCE ผลประกอบการ 4Q65: กำไรจากธุรกิจหลักต่ำกว่าประมาณการ

KCE ผลประกอบการ 4Q65: กำไรจากธุรกิจหลักต่ำกว่าประมาณการ

กำไรสุทธิของ KCE ใน 4Q65 อยู่ที่ 501 ล้านบาท (-29% YoY, -24% QoQ) ต่ำกว่าประมาณการของเรา 23% และต่ำกว่า Bloomberg consensus 24%

แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรจากธุรกิจหลักใน 4Q65 จะอยู่ที่ 507 ล้านบาท (-22% YoY, -20% QoQ) ต่ำกว่าประมาณการของเรา 22% จากอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าที่เราคาดเอาไว้ 3.9ppts ส่งผลให้กำไรจากธุรกิจหลักในปี 2565 อยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท (+3% YoY) ต่ำกว่าประมาณการเต็มปีของเรา 5%

 

ยอดขายใน 4Q65 อยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท (+10% YoY, -0.2% QoQ) แต่หากไม่รวมผลจากอัตราแลกเปลี่ยน ยอดขายใน 4Q65 จะอยู่ที่ 128 ล้านดอลลาร์ฯ (+2% YoY, +0.4% QoQ) ส่งผลให้ยอดขายในปี 2565 อยู่ที่ 530 ล้านดอลลาร์ฯ (+13% YoY) ซึ่งเป็นไปตามประมาณการเต็มปีของเรา ทั้งนี้ ยอดขายที่ไม่น่าตื่นเต้นใน 4Q65 เป็นเพราะปัจจัยฤดูกาล และความไม่แน่นอนในตลาดบางส่วน โดยยอดขาย PCB แบบ 4-layer ยังคงมีสัดส่วนสูงที่สุดที่ 38% ของรายได้รวมใน 4Q65 ในขณะที่รายได้จากตลาดยุโรปคิดเป็น 49% ของรายได้รวมใน 4Q65

 

อัตรากำไรขั้นต้นใน 4Q65 อยู่ที่ 21.2% (-4.1ppts YoY, -3.1ppts QoQ) ต่ำกว่าประมาณการของเรา 3.9ppts เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้น (วัตถุดิบ และสาธารณูปโภค) และการผลิตใหม่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2565 อยู่ที่ 22.8% (ลดลง 3.8ppts YoY) ซึ่งต่ำกว่าประมาณการเต็มปีของเราที่ 23.9%

 

 

 

 

 

ยังมีความไม่แน่นอนรออยู่ข้างหน้า

ถึงแม้เราจะให้น้ำหนักกับความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกไปมากแล้วในประมาณการกำไรปี 2566 ของเรา (โดยใช้สมมติฐานว่ายอดขายจะลดลง 5% YoY ในปีนี้) แต่อัตรากำไรที่อ่อนแอใน 4Q65 ทำให้ประมาณการกำไรปี 2566 ของเรามีความเสี่ยง (เราใช้สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ที่ 24.1%) เช่นเดียวกับ consensus ของนักวิเคราะห์ในตลาด (ประมาณการกำไรปี 2566 ของเราต่ำกว่าตลาด 13%) ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงทุก ๆ 1% จะทำให้กำไรสุทธิลดลง ~7% นอกจากนี้ การที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันผลการดำเนินงานหลังจากที่อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย (QTD) ขยับมาอยู่ที่
33.2 บาท/ดอลลาร์ฯ (จาก 32.9บาท/ดอลลาร์ฯ ใน 1Q65 และ 36บาท/ดอลลาร์ฯ ใน 4Q65)

 

Valuation & action

เรายังคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 43.00 บาท อิงจาก PER ที่ 22.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต -0.5 S.D.) แต่เนื่องจากมี downside จากราคาปิดล่าสุดถึง 25% และยังมีความเสี่ยงจากการปรับลดประมาณการกำไรของตลาด ดังนั้น เราจึงจึงปรับลดคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ขาย”

 

Risks

ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2565-66 ที่ 34.50 บาท/ดอลลาร์ฯ)