ตลาดโลกแกว่งรอติดตามรายงานเศรษฐกิจ IMF และประชุมเฟด

ตลาดโลกแกว่งรอติดตามรายงานเศรษฐกิจ IMF และประชุมเฟด

บรรยากาศลงทุนอาจผันผวนตามข้อมูลและสัญญาณที่มาจาก IMF และเฟด เรามองปัจจัยที่น่าจะกำหนดโทนของตลาดในช่วงข้างหน้า และอาจส่งผลตอความผันผวนของตลาดช่วงสั้นมาจากการ 2 ปัจจัยหลักๆ

1) การเผยแพร่รายงานเศรษฐกิจรายไตรมาส (World Economic Outlook:WEO) ฉบับม.ค.66 เช้านี้ (เริ่ม 8.30 น. เวลาไทย) ซึ่ง IMF มองว่าเศรษฐกิจโลกมีความน่ากังวลน้อยลงเมื่อเทียบกับมุมมองช่วง ต.ค.65 อันเนื่องมาจากเงินเฟ้อที่ลดลง แม้คาดการณ์เติบโต GDP ปี 2566 จะปรับลดลง แต่มีการปรับเพิ่มคาดการณ์ปี 2567 ซึ่ภาพรวมรายงาน สอดคล้องกับมุมมองที่เราประเมินว่าโทนของรายงานน่าจะเป็นบวก และ 2) การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (1 ก.พ.) คาดปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% แต่อาจเห็นการแสดงความเห็นยืนยันการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องซึ่งอาจทำให้ตลาดผันผวนบ้าง อย่างไรก็ตามหากไม่มีการแสดงความเห็นสุดโต่ง อาทิ การส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยไปในโซน 5.5-6.0% เรามองตลาดจะให้น้ำหนักบวกกับการเข้าใกล้จุดสูงสุดของวัฎจักรดอกเบี้ยมากกว่า
 

แม้อาจผันผวนจากภายนอกแต่ปัจจัยเก็งกำไรภายในยังดูดี การรายงานผลประกอบการของหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ อาจเป็นอีกปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบจิตวิทยาการลงทุน ซึ่งหุ้นที่จะมีการประกาศงบในสัปดาห์นี้ ได้แก่ 31 ม.ค. AMD, MacDonald, GM, Exxon/ 1 ก.พ. Meta / 2 ก.พ. Apple, Alphabet, Amazon, Starbuck, Qualcomm // สำหรับปัจจัยภายในนักลงทุนตอบรับบวกต่อความเชื่อมั่นในการเลือกตั้งผ่านหุ้นสื่อและรับเหมาก่อสร้างบางตัว ขณะที่เรามองยังตอบรับน้อยไปต่อหุ้นพลังงานหมุนเวียน หลังการประกาศผลผู้ผ่านคุณสมบัติ เมื่อ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา จำนวนโครงการที่ผ่านคุณสมบัติขั้นต่ำ 318 โครงการ กำลังการผลิตรวม 7,729MW คิดเป็น 1.48 เท่า ของที่เปิดขาย 5,200MW คิดเป็นอัตราการแข่งขันที่ไม่สูงนัก ยังมองผู้ยื่นประมูลที่มีจำนวนโครงการผ่านเยอะ เช่น GUNKUL (21), TSE (18), EGCO (7), UAC (5) น่าจะได้ประโยชน์

 


 

ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, TNR, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR 2) หุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว (พลังงาน ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์) ได้แก่ PTTGC, IRPC, SCGP, AJ, PTL, SCC, PTTEP, PTT 3) กลุ่มบริโภคและการย้ายฐานการผลิต ได้แก่ WHA, AMATA, ROJNA 4) การขายไฟพลังงานทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP, BGRIM, GPSC, EGCO 5) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ DMT, TVDH, FLOYD, SORKON 6) กลุ่มน้ำตาล เข้า high season และปริมาณการผลิตไทยสูงสุดในรอบ 3 ปี ดีกับ KSL, KTIS, KBS, BRR

 

ภาพรวมกลยุทธ์: ภาพรวมยังแกว่งตัวรอข้อมูลจาก IMF และการประชุมเฟด การเก็งกำไรระยะสั้นเน้นหุ้นที่ยัง Laggard และเปิดเมืองที่ยังขึ้นน้อย รวมถึงกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนพลังงานที่จะลดลง //หุ้นแนะนำ: MAJOR, FLOYD*, KSL*, TVDH*

แนวรับ: 1,670 และ 1,650 / แนวต้าน : 1,688-1,700 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

 


 

ประเด็นการลงทุน

ยูโรแข็งค่า เก็ง ECB ขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่าเฟดในการประชุมสัปดาห์นี้ – เฟดจะจัดการประชุมในวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดการประชุมตรงกันในวันที่ 2 ก.พ. ตลาดคาดการณ์ว่า ECB และ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้ ขณะที่เฟดจะปรับขึ้นเพียง 0.25%

หุ้นอสังหาริมทรัพย์จีนดิ่งหนัก หลังยอดขายบ้านลดลงช่วงวันหยุด – ข้อมูลราคาบ้านใน 40 เมืองใหญ่ของจีนระบุว่า ยอดขายที่อยู่อาศัยลดลง 14% ในช่วงสัปดาห์ตรุษจีน

แอปเปิ้ลเริ่มผลิตชิ้นส่วน AirPods ในอินเดีย หวังลดการพึ่งพาจีน - หลังสหรัฐออกมาตรการจำกัดทางการค้ากับจีนและเกิดภาวะติดขัดด้านห่วงโซ่อุปทานจากผลพวงของโรคโควิด-19 ในจีน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงด้านการผลิตให้กับแอปเปิ้ลมากยิ่งขึ้น

คลัง ไฟเขียวบริษัทต่างชาติ 2 ราย ออกบาทบอนด์ในไทยภายใน 30 ก.ย. – ได้แก่ 1. บริษัท ผลิต-ไฟฟ้าลาว (มหาชน) (EDL-Generation Public Company: EDL-Gen) 2. บริษัท Hope Education Group Co., Ltd. (HEG) กระทรวงการคลัง ได้พิจารณาถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อตลาดการเงินและตลาดตราสารหนี้ไทยในภาพรวม

เป้านักท่องเที่ยวต่างชาติปี 66 ทะลุ 30 ล้านคน สร้างรายได้เกิน 3 ล้านล้านบาท – สทท. เชื่อมั่นว่า จะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 1 เท่าจากปี 65 โดยตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุ 30 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 3 ล้านล้านบาท

เลือกตั้งเงินสะพัด 4-5 หมื่นล้าน ศก.โต 3-4% - มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองแม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่านายกรัฐมนตรีจะประกาศยุบสภาเมื่อไหร่ แต่คาดการณ์เลือกตั้งใหม่ช่วงต้น พ.ค.66 ซึ่งจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจจากเม็ดเงินลงพื้นที่ผ่านการทำกิจกรรมการเมือง

 

ประเด็นติดตาม: 31 ม.ค. - CB Consumer Confidence / 1 ก.พ. – EU CPI, ISM Manufacturing PMI, Fed Interest  / 2 ก.พ. - ECB Interest Rate Decision / 3 ก.พ. – Nonfarm Payrolls, ISM Non-Manufacturing PMI / 6 ก.พ. -    EU Retail Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)