กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ ความเสี่ยงทางลงจำกัดแล้ว หลังปรับฐานสัปดาห์ก่อน แนะทยอยสะสม

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ ความเสี่ยงทางลงจำกัดแล้ว หลังปรับฐานสัปดาห์ก่อน แนะทยอยสะสม

ตลาดน่าจะขยับขึ้นได้บ้างในสัปดาห์นี้ ในสัปดาห์ที่แล้ว (16-20 มกราคม 2566) ตลาดหุ้นไทยพักฐานเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแย่กว่าที่เราคาดเอาไว้ ถึงแม้ว่ากระแสเงินทุนไหลเข้าจะยังแข็งแกร่ง

เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง และความคาดหวังว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ลดลง แต่นักลงทุนสถาบันในประเทศกลับมาอยู่ในขาขายในช่วงที่ผ่านมา และกดตลาดในระยะสั้นทำให้ขึ้นต่อไม่ไหว นอกจากนี้ เรายังพบว่าหุ้นที่ outperform ในช่วงก่อนหน้า อย่างเช่น หุ้นในธีมการบริโภคในประเทศ และการท่องเที่ยวถูกขายทำกำไรเพิ่มขึ้น จากการเวียนกลุ่มไปที่กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งมีประเด็นบวกในระยะสั้นจากการที่จีนกลับมาเปิดประเทศเร็วกว่าที่คาดไว้ ทั้งนี้ ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว หุ้นกลุ่มธนาคารย่อตัวลงหลังจากที่ผลประกอบการของ KBANK* ออกมาแย่ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับรับหนี้เสียและการตั้งสำรองของกลุ่มธนาคาร

 

สำหรับในสัปดาห์นี้ เราคาดว่าดัชนี SET น่าจะขึ้นได้บ้าง แม้ว่ากลุ่มธนาคารจะยังกดดัชนีจากเอาไว้ เพราะความไม่แน่นอนเกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์ แต่ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคโลกในสัปดาห์นี้ส่งสัญญาณไปทางโหมด risk-on โดยคาดว่าตัวเลข GDP 4Q65 ของสหรัฐที่จะประกาศออกมาในวันพฤหัสบดีน่าจะฟื้นตัวได้ดี ในขณะที่ตัวเลขดัชนีสำคัญที่จะใช้วัดเงินเฟ้อก็น่าจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง สำหรับปัจจัยภายในประเทศ อาจจะมีการรายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวจากจีนที่แข็งแกร่งในช่วงเทศการตรุษจีน ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค และการท่องเที่ยวน่าจะฟื้นตัวได้ส่วนใช่วงกลางสัปดาห์ เราคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 25bps เป็น 1.50% แต่ไม่น่าจะส่งผลกระทบกับตลาดมากนัก

 

 

ติดตาม GDP สหรัฐ, ดัชนีเงินเฟ้อ PCE สหรัฐ และการประชุมตัดสินดอกเบี้ยนโยบายของ กนง.

ปัจจัยภายนอก: GDP 4Q65 ของสหรัฐ และ ดัชนีเงินเฟ้อ PCE เดือนธันวาคมจะเป็นข้อมูลหลักที่ต้องติดตาม ในวันที่ 26 มกราคม สหรัฐจะประกาศตัวเลข GDP 4Q65 ล่วงหน้า ซึ่งจากแบบจำลอง GDP tracker ของ Fed สาขา Atlanta พยากรณ์ว่าจะขยายตัว 3.5% QoQ ในขณะที่ consensus ของนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะขยายตัว 2.6% QoQ สำหรับทางด้านของเงินเฟ้อ จะมีการประกาศตัวเลขดัชนี PCE เดือนธันวาคมของสหรัฐในวันที่ 27 มกราคม ซึ่ง consensus คาดว่า core PCE จะชะลอตัวลงเหลือ 4.4% YoY จาก 4.7% ในเดือนพฤศจิกายน

ปัจจัยภายใน: ติดตามผลการประชุม กนง. กลางสัปดาห์นี้ ในการประชุมวันที่ 25 มกราคม กนง. น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 25bps เป็น 1.50% ซึ่งในการประชุม กนง. รอบนี้จะยังไม่มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจ แต่ข้อความที่ใช้ในการแถลงผลการประชุม กนง. จะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต

 

 

 

 

 

ราคาหุ้นที่ย่อลงในช่วงที่ผ่านมา น่าจะเป็นโอกาสซื้อสะสม

เนื่องจากตลาดหุ้นไทยเกิด correction ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่ปัจจัยภายนอกในด้านเศรษฐกิจมหภาคดูเป็นบวกกับสินทรัพย์เสี่ยงดังที่กล่าวถึงข้างต้น ดังนั้น เราจึงแนะนำให้นักลงทุนถือหุ้นต่อหรือซื้อสะสมหุ้นในธีมที่มีแนวโน้มสดใสอย่างเช่น กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ และการท่องเที่ยว เรายังคงเลือก CPALL*, HMPRO*, AOT*, BDMS* และ ERW เป็นหุ้นเด่นของเรา สำหรับหุ้นในกลุ่มการเงินอย่างเช่น ธนาคาร และไฟแนนซ์ อาจจะยังเผชิญแรงกกดดันจากความกังวลรอบ
ใหม่เกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์ ดังนั้น เราจึงขอดูผลประกอบการ 4Q65 และการตอบรับจากการประชุมนักวิเคราะห์ก่อน จึงจะกำหนดกลยุทธ์การเทรดดิ้งสำหรับหุ้นกลุ่มนี้