การตั้งสำรองทำให้กลุ่มสถาบันการเงินอาจสร้างแรงกดดันต่อตลาดในระยะสั้น

การตั้งสำรองทำให้กลุ่มสถาบันการเงินอาจสร้างแรงกดดันต่อตลาดในระยะสั้น

บรรยากาศลงทุนโดยรวมทรงตัวระหว่างติดตามผลประกอบการและการประชุมเฟด บรรยากาศซื้อขายในตลาดโลกโดยรวมเบาบางระหว่างะรอดูทิศทางการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุม 1 ก.พ.66 ซึ่งการส่งสัญญาณใกล้ถึงจุดสูงสุดของวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้

น่าจะเป็นปัจจัยกำหนดโทนบวกให้กับตลาดช่วงต่อไป ขณะเดียวกันนักลงทุนติดตามการรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ สำหรับกำหนดการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ที่สำคัญกับกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ของไทย ได้แก่ Texas Instrument (24 ม.ค.), AMD (31 ม.ค.), NVIDIA (15 ก.พ.), Micron Technology (4 เม.ย.)

 

ผลประกอบการ BBL และ KBANK ต่ำกว่าคาด / BBL รายงานกำไร 7,569 ล้านบาท ต่ำกว่าเราและตลาดคาด 33% และ 14% จากการ /KBANK รายงานกำไร 3,190 ล้านบาท ต่ำกว่าเราและตลาดคาด 64% และ 66% ตามลำดับ / ภาพรวมกำไรที่ต่ำคาดมาจากการตั้งสำรองที่สูง ซึ่งเราเชื่อว่าธนาคารพยายามตั้งสำรองอย่างระวังเผื่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวลงในปี 2566 อีกส่วนหนึ่งมาจากกำไรจากการลงทุนที่ลดลง เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมากระทบต่อการ mark-to-market ของตราสารหนี้ // ทั้งนี้เรายังคงมุมมองเชิงบวกระยะกลางต่อธนาคาร แต่การตั้งสำรองที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 4 คาดสร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้นทั้งกลุ่มธนาคารและการเงินอื่น

 

 


 

ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, TNR, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR 2) หุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว (พลังงาน ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์) ได้แก่ PTTGC, IRPC, SCGP, AJ, PTL, SCC, PTTEP, PTT 3) กลุ่มบริโภคและการย้ายฐานการผลิต ได้แก่ WHA, AMATA, ROJNA 4) การขายไฟพลังงานทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP, BGRIM, GPSC, EGCO 5) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ DMT, TVDH, FLOYD, SORKON 6) กลุ่มน้ำตาล เข้า high season และปริมาณการผลิตไทยสูงสุดในรอบ 3 ปี ดีกับ KSL, KTIS, KBS, BRR

 

ภาพรวมกลยุทธ์: วันนี้คาดหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินอาจสร้างแรงกดดันต่อตลาดหลัง BBL และ KBANK รายงานกำไรต่ำคาดจากการตั้งสำรองที่สูง การเก็งกำไรระยะสั้นเน้นหุ้นที่ยัง Laggard และกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์เกี่ยวกับฝั่งต้นทุนที่ลดลง จะมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดี กลุ่มโรวงไฟฟ้าและกองรีทส์ช่วงสั้นปรับขึ้นดีจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับลดลง //หุ้นแนะนำ: OR, GUNKUL, MAJOR, VRANDA

แนวรับ: 1,674 และ 1,650/ แนวต้าน : 1,695-1,710 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 


 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานลดลง - ลดลง 15,000 ราย สู่ระดับ 190,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 214,000 ราย

เฟดเผยแบบจำลอง GDPNow บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.5% ใน Q4/65 – ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.5% ในไตรมาส 4/2565 โดยต่ำกว่าระดับ 4.1% ที่มีการเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ก.คลังสหรัฐเริ่มใช้มาตรการพิเศษ หลังหนี้แตะเพดาน – จะระงับการลงทุนครั้งใหม่ในกองทุนผู้เกษียณอายุและผู้พิการของข้าราชการ รวมทั้งกองทุนประกันสุขภาพของผู้เกษียณอายุของสำนักงานไปรษณีย์ โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 5 มิ.ย. เยลเลนมีการเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งขยายเพดานหนี้เพื่อช่วยให้สหรัฐหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ ขณะที่มาตรการพิเศษจะช่วยให้รัฐบาลกลางสามารถชำระหนี้ได้ถึงต้นเดือนมิ.ย.เท่านั้น

ประธาน ECB ยันเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อฉุดเงินเฟ้อสู่เป้าหมาย 2% – ลาการ์ดกล่าวในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์

จีนเผยยอด FDI ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในพ.ย.-ธ.ค. 65 - ยอด FDI เดือนธ.ค. 2565 ของจีนแตะ 7.66 หมื่นล้านหยวน (1.13 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปี 2564 เกือบ 29% หลังจากลดลง 33% ในเดือนพ.ย. 2565 ซึ่งนับเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2558

OR เตรียมปิดดีลซื้อหุ้น ZEN 25% จาก เอจีบี ซิบลิ้งส์ โฮลดิ้ง – เพื่อแตกไลน์ร้านอาหารเพิ่มรวดเดียว 11 แบรนด์ จากตัวเลขเงินสดกว่า 18,000 ลบ. คาดเข้าซื้อได้

 

ประเด็นติดตาม: 20 ม.ค. – US Existing Home Sales / 24 ม.ค. – US & EU Manufacturing PMI, Services PMI / 25 ม.ค. – TH Interest Rate Decision / 26 ม.ค. – US GDP Q4, US New Home Sales / 27 ม.ค. – US Core PCE Price Index, US Pending Home Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)