ยังคงมุมมองบวกต่อการลงทุนแม้ระยะสั้นอาจผันผวนจากเงินหนีเข้าพันธบัตร 

ยังคงมุมมองบวกต่อการลงทุนแม้ระยะสั้นอาจผันผวนจากเงินหนีเข้าพันธบัตร 

สินทรัพย์เสี่ยงอาจผันผวนจากเงินที่ไหลเข้าพักในตลาดพันธบัตร ความผันผวนที่สำคัญสองประการที่ควรติดตาม ได้แก่ 1) ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0% และกรอบการควบคุมผลตอบแทนพันธบัตร (YCC) ที่ +/-0.50%

ซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาดว่าอาจปรับกรอบการดำเนินนโยบายให้ตึงตัวมากขึ้น อย่างไรก็ตามการดำเนินนโยบายการเงินทีตึงมากขึ้นเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดตามมาอย่างเลี่ยงไมได้ สิ่งนี้อาจทำให้เกิดแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยงและนำเงินกลับไปคืนเงินกู้สกุลเยน (Unwind Yen carry trade) 2) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ชะลอ ล่าสุดคือ ยอดค้าปลีก ธ.ค.ที่ออกมา -1.1% MoM (แย่กว่าคาดการณ์ที่ -0.90% MoM และชะลอตัวลงจาก พ.ย.ที่ -0.60% MoM) ทำให้การปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ อาจเกิดขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะกดดันต่อหุ้น และทำให้เงินทุนบางส่วนอาจหนีเข้าตราสารหนี้หรือพันธบัตร เห็นได้จากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี ที่ลดลงจากวานนี้ 3.55% เหลือ 3.37% 

 

ติดตามผลประกอบการและการปรับประมาณการกำไรหุ้นไทย คาดกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดจะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ขณะที่สัปดาห์หน้าจะเริ่มเห็นการรายงานผลประกอบการของ SCGP (24 ม.ค.) และ SCC (25 ม.ค.) ซึ่งเราคาดผลการดำเนินงานที่อ่อนแอรับรู้ไปในราคาแล้ว กลุ่มที่นักลงทุนต้องระวังได้แก่ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ที่เสี่ยงต่อการถูกปรับลดประมาณการจากเงินบาทที่แข็งค่าและความต้องการที่มีความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่กลุ่มอาหาร แม้ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่ความต้องการมีความแน่นอนกว่าและต้นทุนมีแนวโน้มปรับลดลงเมื่อเทียบกับฐานที่สูงในปีก่อน สำหรับผู้ที่ยังอยากมีการลงทุนในหุ้นส่งออก เรามองควรเปลี่ยน (switch) จากหุ้นอิเล็กทรอนิกส์มาสู่กลุ่มอาหาร
 

 

 

ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, TNR, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR 2) หุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว (พลังงาน ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์) ได้แก่ PTTGC, IRPC, SCGP, AJ, PTL, SCC, PTTEP, PTT 3) กลุ่มบริโภคและการย้ายฐานการผลิต ได้แก่ WHA, AMATA, ROJNA 4) การขายไฟพลังงานทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP, BGRIM, GPSC, EGCO 5) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ DMT, TVDH, FLOYD, SORKON 6) กลุ่มน้ำตาล เข้า high season และปริมาณการผลิตไทยสูงสุดในรอบ 3 ปี ดีกับ KSL, KTIS, KBS, BRR

 

ภาพรวมกลยุทธ์: คาดตลาดแกว่งตัวกรอบแคบเมื่อเข้าสู่เทศกาลประกาศงบ การเก็งกำไรระยะสั้นเน้นหุ้นที่ยัง Laggard และกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์เกี่ยวกับฝั่งต้นทุนที่ลดลง จะมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดี ปัจจัยติดตามที่สำคัญในสัปดาห์นี้คือผลประกอบการกลุ่มธนาคาร คาด BBL รายงานกำไรเด่นสุดในกลุ่ม (ซื้อเมื่ออ่อนตัว แนวรับ 150 บาท) //หุ้นแนะนำ: BJC, MAJOR, AMANAH*, VRANDA

แนวรับ: 1,674 และ 1,650/ แนวต้าน : 1,695-1,710 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

 

 

 

ประเด็นการลงทุน

เฟดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.7% - ลดลง 0.7% ในเดือนธ.ค. หลังจากปรับตัวลง 0.6% ในเดือนพ.ย.

สหรัฐเผยดัชนี PPI +6.2% เดือนธ.ค. ต่ำกว่าคาดการณ์ – ดัชนี PPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 6.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.8% หลังจากเพิ่มขึ้น 7.3% ในเดือนพ.ย.

สหรัฐเผยยอดค้าปลีกดิ่งลงมากกว่าคาด – ดิ่งลง 1.1% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าปรับตัวลงเพียง 0.8% หลังจากลดลง 1.0% ในเดือนพ.ย.

สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวขึ้นครั้งแรกรอบกว่า 1 ปี – ปรับตัวขึ้น 4 จุด สู่ระดับ 35 ในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 31 หลังจากปรับตัวลง 12 เดือนติดต่อกัน

กสทช.เร่งปรับเกณฑ์ใช้สิทธิวงโคจรดาวเทียมใหม่ หลังยังเหลือ 2 ชุด - ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาพิจารณาราว 6 เดือน หลังจากการประมูลที่ผ่านมา (15 ม.ค.66) มีผู้เข้าประมูล 3 ชุดจาก 5 ชุด โดยชุดที่ 1 และชุดที่ 5 ไม่มีผู้เสนอราคา

AOT ได้ผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ – คุณกีรติ กิจมานะวัฒน์ เป็นผู้สมัครที่ได้รับคะแนนสูงสุด คาดเซ็นจ้าง ก.พ.66 โดยปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) ของ AOT

JMART ประกาศแผนธุรกิจก้าวสู่การเป็น Virtual Bank – ก้าวสู่ผู้นำโลกการเงินดิจิทัล โลกการเงินด้านฟินเทค อีกทั้ง J Ventures บริษัทลูกมีพันธมิตรในการพัฒนาระบบ Virtual Bank คือ KB Financial Group กลุ่มธุรกิจการเงินชั้นนำในประเทศเกาหลีใต้

 

ประเด็นติดตาม: 19 ม.ค. – US Building Permits / 20 ม.ค. – US Existing Home Sales / 24 ม.ค. – US & EU Manufacturing PMI, Services PMI / 25 ม.ค. – TH Interest Rate Decision / 26 ม.ค. – US GDP Q4, US New Home Sales / 27 ม.ค. – US Core PCE Price Index, US Pending Home Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)