TNP คาดผลประกอบการปี 2566 โตต่อเนื่อง 15% ตามแผนการขยายสาขาใหม่ 5-6 แห่ง

TNP คาดผลประกอบการปี 2566 โตต่อเนื่อง 15%  ตามแผนการขยายสาขาใหม่ 5-6 แห่ง

คาดกำไรงวด 4Q65 ราว 38.6 ลบ. -28%YoY จากฐานสูง +4%QoQ: เราคาดรายได้งวด 4Q65 ราว 646 ลบ. -6%YoY +4%QoQ โดยคาดรายได้หดตัว YoY

เนื่องจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐที่สนับสนุนวงเงินต่อคนน้อยลงจากปีก่อน (Table1) สะท้อนการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่คาดจะหดตัวราว 16%YoY อย่างไรก็ตาม รายได้รวมหดตัวลงไม่มาก เนื่องจากแผนการขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องช่วยชดเชยรายได้บางส่วนที่หายไปจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย ณ ปลาย ธ.ค.65 มีสาขาจำนวนทั้งสิ้น 43 แห่ง (+5 สาขา YoY +2 สาขา QoQ) อย่างไรก็ตาม รายได้ยังคงเติบโต QoQ จากการเข้าสู่ช่วง High Season ประกอบกับเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มฟื้นตัว ขณะที่ %GPM คาดที่ระดับ 17.2% (4Q64 = 17.4%, 3Q65 = 16.9%) และ %SG&A/Sales คาดที่ระดับ 10.0% (4Q64 = 8.3%, 3Q65 = 10.0%) ส่งผลให้เราคาดกำไรงวด 4Q65 ราว 38.6 ลบ. -28%YoY +4%QoQ และคาดกำไรทั้งปี 65 ที่ราว 145.7 ลบ. -24%YoY ทั้งนี้งวด 9M65 มีกำไร 107.1 ลบ. คิดเป็น 74% ของประมาณการกำไรปี 65

TNP คาดผลประกอบการปี 2566 โตต่อเนื่อง 15%  ตามแผนการขยายสาขาใหม่ 5-6 แห่ง

 

•    คงประมาณการกำไรปี 66 ราว 168 ลบ. +15%YoY ตามแผนขยายสาขาใหม่ 5-6 แห่ง: เราคงคาดการณ์รายได้ปี 66 ราว 2,742 ลบ. +14% โดยรายได้มีแนวโน้มเติบโตจากปีก่อนตามแผนขยายสาขาใหม่อีก 6 สาขา สู่ทั้งหมด 49 สาขา ณ สิ้นปี 66 ประกอบกับคาดบริษัทจะได้รับอานิสงส์จากการปรับวงเงินสนับสนุนในบัตรสวัสดิการฯ เพิ่มอีก 200 บาท เป็น 400-500 บาท ภายในช่วงเดือน ม.ค.66 ขณะที่มาตรการ “ช้อปดีมีคืน” เราคาดว่าบริษัทจะได้รับผลประโยชน์ไม่มาก เนื่องจากมูลค่าการซื้อสินค้าต่อบิลต่ำ ส่วนสมมติฐาน %GPM คงคาดที่ระดับ 17.1% เพิ่มขึ้นจากปี 65 เล็กน้อยที่ 17.1% ส่งผลให้เราคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 66 ราว 168 ลบ. +15% ทั้งนี้ แนวโน้มผลประกอบการปี 66 ยังไม่ได้รวมอัพไซต์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ที่อาจมีเพิ่มเติม

•    คงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเหมาะสมปี 66 ราว 5.75 บาท: เราคงราคาเหมาะสม TNP ที่ 5.75 บาท โดยอิง Prospective PER ที่ระดับเดิม 27.5x และคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 66 ราว 0.21 บาท/หุ้น ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ PER เพียง 20.8x ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ระดับ 35.2x โดยราคาเป้าหมายมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบัน 38% และจ่ายปันผลในอัตราราว 2% ต่อปี ส่งผลให้เราคงคำแนะนำ “ซื้อ”
 

ปัจจัยเสี่ยง

i) แนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในอุตสาหกรรมค้าปลีก
ii) แผนการขยายสาขาไม่เป็นไปตามเป้า
iii) การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมเริ่มชะลอลง
iv) ภาครัฐหยุดกระตุ้นเศรษฐกิจ