ติดตามถ้อยแถลงประธานเฟดวันนี้ (10 ม.ค. 2566)

ติดตามถ้อยแถลงประธานเฟดวันนี้ (10 ม.ค. 2566)

วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีเปิดโดดราว +12 จุด และเดินหน้าปรับตัวขึ้นต่อ สูงสุดถึง +19 จุด ตอบรับจีนเปิดประเทศ โดยเที่ยวบินจากประเทศจีนถึงไทยช่วงเที่ยงวันนี้ โดยมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ จากการฟื้นตัวของหุ้น DELTA

กลุ่มการเงิน จากการปรับตัวลงของ Bond Yield และกลุ่มค้าปลีก ตามการฟื้นตัวของการบริโภคได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวที่เข้าไทย ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,691.12 จุด +17.26 จุด +1.03% มูลค่าการซื้อขาย 78,508 ลบ.ต่างชาติ +4,337.19 ลบ. TFEX +6,951 สัญญา ตราสารหนี้ +10,420.95 ลบ.

 

ปัจจัยบวก    

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ +1.2% ปิดที่ 74.63 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า การเปิดประเทศของจีนจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน
+ สภาพัฒน์ เตรียมปรับเป้าจีดีพีปี 2566 ใหม่ จากคาดการณ์เดิม 3-4% หลังจีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาด เชื่อช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไทยและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง "โรงแรม-ร้านอาหาร" ฟื้นตัวโดดเด่น
+ เฟดสาขานิวยอร์ก เปิดเผยผลสำรวจประจำเดือนธ.ค.พบว่า ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคสหรัฐยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าในช่วง 1 ปีข้างหน้า อัตราเงินเฟ้อจะแตะระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2564 และต่ำกว่าระดับ 5.2% ที่มีการสำรวจในเดือนพ.ย.
+ ก.คลังเสนอครม.อนุมัติขยายเวลาลดเงินนำส่งเข้ากองทุนแบงก์รัฐเหลือ 0.125% ถึงสิ้นปี 2566 เพื่อสะกัดแบงก์รัฐขึ้นดอกเบี้ยอ้างอิงที่ละ 0.4% ตามรอยแบงก์พาณิชย์

 

ปัจจัยลบ

- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 112.96 จุด -0.34% โดยนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในการซื้อขายก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี CPI เดือนธ.ค.ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ และถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารเฟด ในวันนี้
- ญี่ปุ่นรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารสดเพิ่มขึ้น 4% ในกรุงโตเกียวในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 3.8%
 

- กองทัพจีนดำเนินการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวัน โดยมุ่งเน้นไปที่การโจมตีทางบกและทางทะเล ซึ่งเป็นการซ้อมรบครั้งที่ 2 ในเวลาไม่ถึงเดือน
- ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกกำลังเพิ่มมาตรการป้องกันประชากรของตนจากการระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีน เนื่องจากมีสายพันธุ์ที่แพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น โดยโปรตุเกสเป็นประเทศล่าสุดในกลุ่มชาติยุโรปที่จะให้ผู้เดินทางจากจีนแสดงผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบ

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยดัชนี CPI เดือนธ.ค.ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ และติดตามถ้อยแถลงประธานเฟดวันนี้ คาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,685-1,700 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• ช้อปดีมีคืนปี 66 : BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU
• การท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่องและจีนเปิดประเทศ : MINT CENTEL ERW SPA AU SHR
• หุ้นโรงไฟฟ้าได้ประโยชน์จากรายได้ปรับขึ้นตามค่า FT แต่ต้นทุนเริ่มคงที่ : GPSC BGRIM RATCH
• หุ้นยั่งยืนด้านพลังงานหมุนเวียน : EA TSE SSP SUPER PRIME
• หุ้นได้ประโยชน์จากรถยนต์ไฟฟ้า : EA GPSC BCP OR DELTA
• หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
• หุ้นเด่น IAA : AOT ADVANC BBL COM7 CPALL

 

 

 

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                                                                          PTTEP
                                                   (Bloomberg Consensus 185.00 บาท)

•คาดรายงานกำไร 4Q65 อยู่ที่ 1.1 หมื่นลบ. –52%QoQ และ +9%YoY จากการตั้งสำรองคดีความในออสเตรเลีย 4.4 พันลบ. ค่าใช้จ่ายด้อยค่าโครงการโมซัมบิค 8.2 พันลบ. อย่างไรก็ตาม มีกลับรายการโครงการโอมาน บล็อก 61 ราว 2.4 พันลบ.ช่วยลดผลกระทบจากการคดีความฯ และค่าใช้จ่ายด้อยค่า ขณะที่ผลการดำเนินงานปกติยอดการผลิตคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 3Q65 ที่ 478 KBD สู่ 500 KBD เนื่องจากการผลิตของโครงการบงกช เอสวัน และอาทิตย์ที่เร่งตัวขึ้น อีกทั้งโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ราเคซเริ่มผลิตเป็นไตรมาสแรก ด้านราคาขายเฉลี่ย 49-50 $/bbl ลดลงจาก 3Q65 ที่ 53.6$/bbl ตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลง อย่างไรก็ตามการผลิตที่เร่งตัวขึ้นทำให้ต้นทุนการผลิตปรับตัวขึ้นสู่ 29$/bbl จาก 28.8 $/bbl ใน 3Q65

ความเห็น เรามองเป็นจังหวะซื้อสะสม PTTEP หากมีการย่อตัวลงเนื่องจากผลประกอบการ 4Q65 ที่อ่อนตัว แต่คาดว่า 1H66 ผลประกอบการจะเร่งตัวขึ้นจากจีนเปิดประเทศและฤดูหนาวที่รุนแรงในสหรัฐทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น อีกทั้งไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเหมือนใน 3Q65 ที่ผ่านมา เราจึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”

 

หุ้นมีข่าว

(+) EKH (Bloomberg consensus 9.65 บาท) ปักธงรายได้รวมปี 2566 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน มองผู้ป่วยโควิด-19 เป็นฐานลูกค้าใหม่ ยิ้มจีนเปิดประเทศเป็นบวก ตั้งเป้าหมายรับลูกค้า IVF 300 คู่ แย้มยังมีดีลซื้อกิจการธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสุขภาพเพิ่มเติม 2-3 ดีล (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PRAPAT (Bloomberg consensus - บาท) อ้าแขนรับนักท่องเที่ยวจีนบินเข้าไทย หนุนดีมานด์น้ำยาฆ่าเชื้อขายดี แย้มเปิดต้นปี 2566 คว้าออเดอร์แล้วกว่า 25% ฟากผู้บริหาร มั่นใจผลงานปี 2565 เทิร์นอะราวด์ ส่วนปีกระต่ายทองติดเครื่องวิ่งต่อ หลังนักท่องเที่ยวไหลเข้าเพิ่มเท่าตัว แย้มต้นทุนผลิตลดลง หนุนมาร์จิ้นฟู (ที่มา ทันหุ้น)

(+) AH (Bloomberg consensus 40.00 บาท) คว้าออเดอร์ผลิตชิ้นส่วนประกอบตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า "Vinfast" รุ่นที่ 2 (VF9) กว่า 300 ล้านบาท สัญญาส่งมอบยาวถึงปี 2568 ประเดิมส่งมอบเดือนม.ค.นี้ มองตลาดรถ EV ขยายตัวเร็ว หลังผู้บริโภคเลือกใช้เพิ่ม ตั้งเป้าปี 2566 โตต่อเนื่องจากปี 2565 รับพอร์ตลูกค้าออเดอร์แน่น โมเดลใหม่หนุน แถมบริหารจัดการต้นทุนได้ดี (ที่มา ทันหุ้น)

(+) CPANEL (Bloomberg consensus - บาท) อัดงบ 500 ล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตเฟส 2 อัพกำลังการผลิตกว่า 790,000 ตารางเมตรต่อปี คาดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2566 พร้อมเดินเครื่องในไตรมาส 1/2567 ฟากผู้บริหารวาง กลยุทธ์ ขยายฐานลูกค้าอสังหา ตามหัวเมืองใหญ่ ลุ้นนิวไฮ 3 ปีซ้อน โชว์แบ็กล็อกแน่น 1,295 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)