กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ น่าจะฟื้นตัวได้ชัดเจนขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ น่าจะฟื้นตัวได้ชัดเจนขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์

ตลาดน่าจะฟื้นตัวได้บ้าง หลังการตัดสินดอกเบี้ยนโยบายโดยธนาคารกลาง ในสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงเล็กน้อย ซึ่งแย่กว่าที่เราคาดไว้ เพราะพาดหัวข่าวเกี่ยวกับความกลัวภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย

ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเพิ่มแรงกดดันต่อหุ้นที่ได้รับอิทธิพลจากวัฏจักรเศรษฐกิจโลก (global cyclical stocks) อย่างเช่น กลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี ทั้งนี้ อย่างที่เราเคยระบุเอาไว้หลายครั้งแล้ว ว่าราคาหุ้นในตลาดได้สะท้อนประเด็นบวกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่แผ่วลง และ ธนาคารกลางต่าง ๆ ชะลอจังหวะการขึ้นดอกเบี้ยไปมากแล้ว ในขณะเดียวกันหุ้นในประเทศยังประคองตัวได้ดี จากแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2566 ที่โดดเด่นมากกว่า และมุมมองว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นอีก สำหรับปัจจัยภายในประเทศ คณะรัฐมนตรียังคงไม่ประกาศมาตรการกระตุ้นการบริโภค อย่างเช่น โครงการช้อปดีมีคืน ออกมา

 

สำหรับในสัปดาห์นี้ เราคาดว่าดัชนี SET จะฟื้นตัวขึ้น แต่โมเมนตัมของตลาดน่าจะเร่งตัวขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่อาจจะยังรอดูสถานการณ์ไปก่อนในช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ และการตัดสินดอกเบี้ยนโยบายของ Fed, ECB และ BoE ทั้งนี้ เนื่องจากเรามองว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะชะลอตัวลงอีก และธนาคารกลางทุกแห่งน่าจะส่งสัญญาณว่าจะชะลอจังหวะการขึ้นดอกเบี้ยในระยะต่อไป ดังนั้น สภาวะของตลาดหุ้นเอเชีย และตลาดหุ้นไทยน่าจะดีขึ้น ดังนั้น เราจึงยังคงคาดว่าตลาดน่าจะแข็งแกร่งในช่วงปลายปี

 

 

 

ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้คือการตัดสินดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางหลัก ส่วนปัจจัยภายยังเงียบ ๆ

ปัจจัยภายนอก: การตัดสินดอกเบี้ยนโยบายของ Fed, ECB และ BoE รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ Fed จะประกาศผลการประชุมในวันที่ 14 ธันวาคม ในขณะที่ผลการประชุม ECB และ BoE จะออกในวันที่ 15 ธันวาคม ทั้งนี้ consensus คาดว่าธนาคารกลางทั้งสามแห่งจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 50bps เรามองว่าข้อมูลที่สำคัญที่สุดคือ dot-plot ใหม่ของประมาณการดอกเบี้ยของ FOMC ว่าแสดงสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ย terminal rate จะสูงกว่าที่ตลาดคาดเอาไว้ในปัจจุบันที่ 5.00-5.25% หรือไม่ สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลข CPI สหรัฐในวันที่ 13 ธันวาคม ยอดขายปลีกเดือนพฤศจิกายน และยอดขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ในวันที่ 15 ธันวาคม ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงโมเมนตัมของการบริโภค และตลาดแรงงานในสหรัฐ

 

สัดส่วน risk reward ของตลาดหุ้นไทยยังดีอยู่ เราจึงแนะนำให้ซื้อสะสมหุ้นในธีมที่เลือกไว้

เรายังคงมองว่าดัชนี SET มี downside จำกัด เนื่องจาก i) เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 ii) โมเมนตัมของ EPS กลุ่มที่เน้นเศรษฐกิจในประเทศยังคงฟื้นตัวได้ดี และ iii) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงในช่วงนี้ช่วยพยุงราคาหุ้นในตลาดไทย เราแนะนำให้นักลงทุนยังคงซื้อสะสมหุ้นที่ตามกลยุทธ์การลงทุนของเราใน 1Q66 อย่างเช่น ธนาคารขนาดใหญ่ และหุ้นบางตัวในธีมผู้บริโภค และการท่องเที่ยว รวมถึงหุ้นที่จะได้อานิสงส์จากอัตราผลตอบแทนพันบัตรที่ลดลง และ เงินบาทที่แข็ง โดยสรุปแล้ว หุ้นเด่นที่เราแนะนำให้ลงทุนใน 1Q66 ได้แก่ BBL*, KTB*, CPALL*, HMPRO*, BDMS*, ERW*, SAWAD*, TIDLOR*, WHA* และ GULF*