Petrochemical Sector - วัฏจักรขาลงอาจจะยาวไปจนถึงปี 2024

Petrochemical Sector - วัฏจักรขาลงอาจจะยาวไปจนถึงปี 2024

แนวโน้มอุตสาหกรรมปิโตรเคมียังดูท้าทายในปี 2023-24 โดยกำลังการผลิตใหม่จะยังสูงกว่าการเติบโตของอุปสงค์อยู่ การที่จีนกลับมาเปิดประเทศอาจจะช่วยหนุนภาวะตลาด และอุปสงค์ได้บ้าง แต่จะไม่กระทบกับ spread เพราะยังอยู่ในภาวะอุปทานล้นตลาดอยู่

โดยเราคาดว่า operating rate ทั้งโลกจะยังต่ำอยู่ ดังนั้น เราจึงยังคงให้น้ำหนักกลุ่มปิโตรเคมีที่ ‘Underweight’ และเลือก PTTGC เป็นหุ้นที่เราชอบในสาย olefins

 

อุปสรรคจากปัจจัยมหภาค

เราได้เข้าฟังการนำเสนอแนวโน้มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีปี 2023 ของ S&P Global (IHS Markit) โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่ olefins และ polyolefins (PE และ PP) S&P Global คาดว่าราคาน้ำมันดิบ Brent จะเฉลี่ยอยู่ที่ US$98 ในปี 2023 และ US$92 ในปี 2024 โดยคาดว่านโยบาย zero covid ของจีนจะยังคงกดดันอุปสงค์ต่อไป ในขณะที่อุปสงค์จากกลุ่มที่อยู่อาศัยกำลังลดลง นอกจากนี้ ภาวะทางการเงินที่ตึงตัวขึ้นจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยใน 1H23 ทั้งนี้ อุตสาหกรรมปิโตรเคมีต้องเผชิญกับความท้าทายจากทั้งสองด้าน คือกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น และอุปสงค์ที่อ่อนแอลง ในขณะที่สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนยิ่งทำให้ภาวะยิ่งซับซ้อนมากขึ้นไปอีก S&P Global คาดว่าจุดต่ำสุดของวัฏจักรรอบนี้จะอยู่ในปี 2023 และจะเริ่มฟื้นตัวได้ในปี 2024 หรือไม่ก็ปี 2025

 

 

อุปทานใหม่จะเพิ่มเข้ามามากกว่าอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในปี 2023-24

จีนเป็นประเทศที่มีความสำคัญอย่างมากทั้งในด้านอุปทาน และอุปสงค์ เพราะอุปทาน PE และ PP ใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาในเอเชียมาจากจีนเกินครึ่ง และคิดเป็น 30-40% ของอุปสงค์ในตลาดโลก เราคาดว่ากำลังการผลิต ethylene ทั้งโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 220mt ในปี 2022 เป็น 250mt ในปี 2026 คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 3.25% CAGR สอดรับกับอัตราการเติบโตของอุปสงค์ในช่วงนั้นพอดี ทั้งนี้ เนื่องจากในปัจจุบันยังมีกำลังการผลิตส่วนเกินอยู่ ดังนั้น operating rate ทั่วโลกจึงจะยังอยู่ในระดับต่ำที่ 81-82% ไปจนถึงปี 2026 ส่วนกำลังการผลิต PE ปลายน้ำใหม่น่าจะเพิ่มขึ้น 9.5mt ในปี 2022 (จากกำลังการผลิตทั่วโลกที่ 110mt) และจะเพิ่มขึ้น 4.7mt ในปี 2023 และ 6.3mt ในปี 2024 เราคิดว่าแนวโน้มของ PP ก็คล้าย ๆ กับของ PE โดยกำลังการผลิต propylene ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 160mt ในปีนี้เป็น 180mt ในปี 2026 คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 3% CAGR และคาดว่า operating rate จะยังอยู่ในระดับต่ำที่ 72-73% ในปี 2023-25 โดย propylene ส่วนใหญ่ใช้ผลิต PP ซึ่งคาดว่าอุปสงค์ของ PP ปลายน้ำจะเพิ่มขึ้นจาก 82mt ในปี 2022 เป็น 117mt ในปี 2032 คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 3.6% CAGR เราคาดว่าจะมีกำลังการผลิต PP ใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 7.8mt ในปี 2022, 7.0mt ในปี 2023 และ 8.4mt ในปี 2024 คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 8% ต่อปี

 

ให้น้ำหนักที่ Underweight โดยเลือก PTTGC เป็นหุ้นเด่น

เราชอบ PTTGC มากที่สุดในสาย olefins เพราะเป็นผู้ผลิตประเภท gas-based ที่แข่งขันได้ ในขณะที่ราคาหุ้นสะท้อนถึงช่วงต่ำสุดของวัฏจักรไปเรียบร้อยแล้ว เรามองกลาง ๆ กับ SCC และเชื่อว่า 2023 จะเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับผู้ผลิตประเภท naphtha-based เรายังคงคำแนะนำขาย IRPC เพราะผลประกอบการขึ้นอยู่กับ PPอย่างมาก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังมีแนวโน้มอ่อนแอในปี 2023