มีโอกาสลงต่อ หุ้นรายงานพิเศษ SPVI (18 พ.ย. 2565)

มีโอกาสลงต่อ หุ้นรายงานพิเศษ SPVI (18 พ.ย. 2565)

ตลาดหุ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงต่อจากวันก่อนหน้า แรงขายนำโดยหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล เช่น BDMS BH ส่วนแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL MAKRO โดยตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ในการขับเคลื่อนดัชนี

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,614.95 จุด -5.03 จุด -0.31% มูลค่าการซื้อขาย 59,154 ลบ.ต่างชาติ -3,324.15 ลบ. TFEX +544 สัญญา ตราสารหนี้ -11,076.84 ลบ.
 

ปัจจัยบวก  

+ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4.4% ใน 4Q65 โดยสูงกว่าระดับ 4.0% ที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้
+ นายกฯ ระบุว่า ผลดีที่ไทยจะได้จากการประชุมเอเปคมีมากมาย สร้างความเชื่อมั่นประเทศของเรา ทั้งในแง่การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวให้ทั่วโลกได้เห็น จนคาดการณ์ได้ว่า อาจส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยร่วม 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนชาวไทยทุกคน
+ที่ประชุมรัฐมนตรีเอเปคมีฉันทามติร่วมกันในการขับเคลื่อน "Bangkok Goals on BCG Model" หรือเป้าหมายกรุงเทพ เรื่อง BCG พร้อมหนุนจัดตั้ง FTA เอเปค
+ กกท.เผยไทยบรรลุข้อตกลงการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 กับฟีฟ่า ครบ 64 แมตช์ มูลค่า 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.2 พันล้านบาทซึ่งเป็นราคาที่ยังไม่รวมภาษี โดยหากรวมภาษีต่างๆแล้วมูลค่าจะอยู่ที่ราว 1,400 ล้านบาท 

 

ปัจจัยลบ

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 7.51 จุด หรือ -0.02% หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และข้อมูลที่บ่งชี้ถึงภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานของสหรัฐจะยิ่งผลักดันให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 3.95 ดอลลาร์ -4.6% ปิดที่ 81.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดถูกกดดันจากความกังวลว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
 

 

 

- สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ราย บ่งชี้ถึงภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานจะยิ่งทำให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 19% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 15%
- เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ไปยังน่านน้ำนอกชายฝั่งตะวันออกในวันนี้ ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ออกมาเตือนว่าจะทำการตอบโต้สหรัฐหากยังคงดำเนินการฝึกซ้อมทางทหารร่วมกับพันธมิตรในภูมิภาค

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลง โดยมีแรงกดดันจากกรณีที่ก.ล.ต.สั่งระงับการประกอบธุรกิจชั่วคราวของบริษัทหลักทรัพย์รายหนึ่ง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,600-1,620 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน    

• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BBL KBANK
• ลุ้น เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5-มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว เข้าครม. 28 พ.ย. : ERW CENTEL VRANDA ASAP SPA AAV BA AOT
• ลุ้นมาตรการอุดหนุน EV เข้า ครม. เดือน พ.ย. นี้ : EA NEX BYD GPSC
• MSCI Rebalancing มีผล 30 พ.ย. : MSCI Global Standard หุ้นเข้า : - , หุ้นออก : BAM
MSCI Global Small Cap หุ้นเข้า: BAM, ERW, JWD, NEX, RAM หุ้นออก: PSG, SYNEX

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                                                             SPVI (3Q65 กำไร +102%YoY, +8%QoQ)
                                                                    Bloomberg Consensus 5.90 บาท

 

•รายได้รวม 3Q65 เท่ากับ 1,320 ลบ. +32%YoY, -5%QoQ และกำไร 29 ลบ. +102%YoY, +8%QoQ เนื่องจากประเทศไทยได้รับการเลื่อนการจัดจำหน่ายจาก Tier 2 สู่ Tier 1 ทำให้จำหน่ายพร้อมกับประเทศชั้นนำ เช่น สหรัฐและญี่ปุ่น โดยสามารถจำหน่าย iPhone 14 เร็วขึ้นราว 3 สัปดาห์ จึงส่งผลให้ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น

•ผู้บริหาร มองรายได้ 4Q65 แม้เข้าสู่ช่วง High Season คาดกระแสตอบรับของ iPhone 14 และ Apple Watch Ultra ดีต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันนโยบาย Zero Covid ของจีนส่งกระทบ เนื่องจากรัฐบาลท้องถิ่นของจีนสั่งปิดโรงงานผลิต iPhone ส่งผลให้ iPhone 14 เกิดการขาดแคลนทั่วโลก อาจทำให้ผลประกอบเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนหน้าที่ 2,005 ลบ.

•ฝ่ายวิจัยประเมินว่ามีมุมมองเป็นกลาง แม้ระยะเวลาการจำหน่ายเร็วขึ้น แต่ปัญหาด้านการขาดแคลนสินค้าอาจส่งผลให้รายได้ยังทรงตัว ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 65 เฉลี่ย 128 ล้านบาท +2%YoY โดย 9M65 มีกำไร 84 ลบ.+29%YoY สามารถทำได้ 66% จากประมาณการ consensus ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมา -21%YTD ทำให้หุ้นซื้อขายที่P/E 16 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 62 เท่า เราจึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”

 

หุ้นมีข่าว

(+) DMT ( Bloomberg Consensus - บาท) ร่วมทุน "HEX" ญี่ปุ่น ต่อยอดทางธุรกิจในการซ่อมบำรุง คาดเริ่มสร้างรายได้ปีหน้า เตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการทางพิเศษ สายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต มูลค่ากว่า 1.4 หมื่นล้านบาท โครงการทางหลวงพิเศษ M8 และ M82 ต่อยอดการเติบโต เผยผู้โดยสารกลับมาปกติเฉลี่ยวันละ 1 แสนคันต่อวัน เดินหน้าในเรื่องคาร์บอน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) AS ( Bloomberg Consensus 19.85 บาท) เดินหน้าเปิดเกมใหม่ปี 66 ราว 12 เกม เน้นโมบายหวังผลักดันรายได้กลุ่มนี้เพิ่มขึ้นแตะ 30-40% จากปัจจุบันราว 20% มองอุตสาหกรรมเกมเติบโตดี ผู้เล่นเพิ่มขึ้น เผยอยู่ระหว่างทำแผนการเติบโตปีหน้า แต่คาดเติบโตไม่ต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่คาดเติบโต 3-4% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ASIAN (Bloomberg consensus 21.80 บาท) อัพเป้าหมายรายได้รวมทั้งปี 2565 เป็น 1.16 หมื่นล้านบาท จากเดิม 1.12 หมื่นล้านบาท หลังแนวโน้มยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงและทูน่าเติบโตดีเกินกว่าคาด มั่นใจรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นยืนเหนือ 18-19% จ่อบุ๊กกำไรจากการขายหุ้น AAI บางส่วนเข้ามาในไตรมาส 4/2565 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ACG (Bloomberg consensus - บาท) ชูธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์พุ่งแรง กำไรโต 57.55% บอสใหญ่ "ภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์" มองแนวโน้มดีหลังปัญหาชิปคลี่คลายดันการผลิตกลับมาปกติ ส่วนธุรกิจออโตคลิกสาขาแรกส่อแววมีกำไร ตั้งเป้าขยายสาขาอีก 10 แห่ง ดีเดย์สาขาที่ 11 บิ๊กซี รามอินทรา 9 ธันวาคมนี้ ชี้อัตรากำไรสูง หนุนมาร์จิ้นในอนาคตแกร่ง (ที่มา ทันหุ้น)