ทดสอบ 1,600 หุ้นรายงานพิเศษ ITNS (25 ต.ค. 2565)

ทดสอบ 1,600 หุ้นรายงานพิเศษ ITNS (25 ต.ค. 2565)

วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนี เคลื่อนไหวในช่วงแคบ กลุ่มธนาคารมีแรงขายออกมา หลังจากประกาศงบการเงิน ในภาพรวมตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ นักลงทุนชะลอการซื้อขาย ก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ในวันจันทร์ ที่ 23 ต.ค. ที่ตลาดปิดทำการ

ส่งผลให้ดัชนีปิด 1,591.32 จุด -1.41 จุด -0.09% มูลค่าการซื้อขาย 50,275 ลบ. ต่างชาติ +1,475.39 ลบ. TFEX +6,168 สัญญา ตราสารหนี้ -882.07 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ดัชนีดาวโจนส์ปิด พุ่งขึ้น 417.06 จุด +1.34% โดยตลาดปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว หลังมีรายงานว่ากิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐชะลอตัวลงในเดือนต.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของเฟด ซึ่งมีเป้าหมายที่จะชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจและควบคุมเงินเฟ้อนั้น เริ่มได้ผล
+ PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 47.3 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 49.5 ในเดือนก.ย. โดยดัชนี PMI ถูกกดดันจากการหดตัวของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน
+ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 53.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. ลดลงจากเดิมที่เคยให้น้ำหนักมากถึง 75%
+ททท.เตรียมดันโครงการใหม่ใช้จ่ายปลายปีกระตุ้นเศรษฐกิจ เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ที่จะมีโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5

 

ปัจจัยลบ 

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 47 เซนต์ -0.6% ปิดที่ 84.58 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากจีนเปิดเผยยอดนำเข้าน้ำมันดิบชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้น เฟด
- ปธน.โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนกล่าวกับบรรดาผู้นำยุโรปว่า กองกำลังทหารของรัสเซียได้วางระเบิดไว้ที่เขื่อนกั้นน้ำทางตอนใต้ซึ่งรัสเซียยึดครองได้ ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่
- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า คณะบริหารของโจ ไบเดน กำลังสำรวจความเป็นไปได้ที่จะออกมาตรการควบคุมการส่งออกครั้งใหม่เพื่อขัดขวางจีนในการเข้าถึงเทคโนโลยีอีเมอร์จิ้ง คอมพิวติง
 

- มูดี้ส์ อิสเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอังกฤษลงสู่ "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ" เนื่องจากอังกฤษกำลังเผชิญกับภาวะไร้เสถียรภาพด้านการเมืองและอัตราเงินเฟ้อที่สูงมาก

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศหลังนักลงทุนเชื่อว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของเฟด เพื่อชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจเริ่มได้ผล ประกอบกับลุ้นการประชุมครม. คลอดเกณฑ์จ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วม คนละครึ่งเฟส 6 และ เราเที่ยวด้วยกัน คาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,585-1,600 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• หุ้นซ่อมแซมหลังน้ำท่วม : GLOBAL DOHOME HMPRO TOA DPAINT COTTO DCC TASCO
• ตัวเลขส่งออกเดือน ส.ค. เติบโต : BRR KSL TFG GFPT ASIAN
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BBL KBANK
• ลุ้น ครม. คนละครึ่งเฟส 6 และ เราเที่ยวด้วยกัน : TNP KK ERW CENTEL VRANDA ASAP SPA AAV BA AOT

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

                       ITNS - บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค ซิสเต็ม จากัด (มหาชน) - MAI / TECH (IPO 3.89 บาท)

•บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค ซิสเต็ม จำกัด (มหาชน) (ITNS) ผู้ประกอบการในธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยเป็นผู้ออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่ายและระบบสื่อสารอย่างครบวงจร (System Integrator) พร้อมทั้งจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในงานเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร การให้บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษาอุปกรณ์ และการให้เช่าอุปกรณ์

•บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการในช่วงปี 2562-1H65 เท่ากับ 280 ลบ. 374 ลบ. 369 ลบ. และ 176 ลบ. ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 21.3 ลบ. 28.8 ลบ. 32.6 ลบ. และ 22.2 ลบ. ตามลำดับ โดยปี 2563 บริษัทมีรายได้เติบโต 33.7%YoY เนื่องจากบริษัทได้รับสัญญาสั่งซื้ออุปกรณ์ของธนาคารภาครัฐแห่งหนึ่งเป็นผลจากนโยบายการพัฒนาระดับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการลูกค้าและการบริหารจัดการภายในองค์กร สำหรับปี 2564 บริษัทมีรายได้ลดลง 1.3%YoY สาเหตุหลักมาจากรายได้ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์และให้บริการติดตั้งหดตัวลงเล็กน้อย จากรายได้ที่เกิดจากโครงการของหน่วยงานภาครัฐลดลง และบริษัทฯ ได้หันมากระจายการดำเนินธุรกิจเข้าสู่กลุ่มลูกค้ารายใหม่ และการรับงานโครงการภาคเอกชนมากขึ้น สำหรับงวด 1H65 บริษัทมีรายได้ทรงตัว จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัท โดยที่กำไรสุทธิปี 2563 เติบโต 35.7%YoY และกำไรสุทธิปี 2564 เติบโตต่อเนื่อง 13.0%YoY หรือคิดเป็นเฉลี่ย 3Yr-CAGR เท่ากับ 24% ต่อปี สำหรับงวด 1H65 กำไรสุทธิ เติบโต 95.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

•ผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี 2565 และปี 2566 ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุหลักจาก 1) ณ สิ้นเดือน ส.ค.มียอด Backlog อยู่ราว 522 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ราว 70% ขณะที่มีงานที่คาดว่าจะเข้าร่วมประมูลราว 700-1,000 ล้านบาท/ปี ตามการผลักดันของภาครัฐภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 โดยที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราชนะงานประมูลสูงถึงระดับ 70-80% 2)ได้มีการจ้างทีมงาน Sale ที่มีประสบการณ์สูงเข้ามาร่วมงานเพิ่มขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ 3)จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการทำ Digital Transformation ของผู้ประกอบการเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับผู้ประกอบการจำเป็นต้องเตรียม IT Infrastructure เพื่อรองรับการ Work From Home 4)มีแผนนำเงินจาก IPO บางส่วนไปใช้ในการขยายธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ IT ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรสูงและเป็น Recurring Income เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ที่มีกำลังซื้อน้อย และมีมูลค่าตลาดที่ใหญ่ 5)หลัง IPO จะทำให้บริษัทมีฐานเงินทุนที่ใหญ่ขึ้น ส่งผลให้สามารถเข้าร่วมประมูลโครงการที่มูลค่าสูงกว่าในอดีตที่ผ่านมา ราว 480.2 ล้านบาท และ 744.2 ล้านบาท เติบโต +30.0%YoY และ +55.0%YoY พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ระดับ 41.0 ล้านบาท และ 63.0 ล้านบาท เติบโต +25.9%YoY และ +53.7%YoY ตามลำดับ

•โดยเสนอขายหุ้นสำมัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.89 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.0 บาท ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธี P/E Ratio โดยอิงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของของหุ้นกลุ่มธุรกิจ SI (System Integration) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งแสดงในตารางด้านล่าง ได้ PER เฉลี่ยที่ 16.7 เท่า ได้ราคาเหมาะสมปี 2566 ที่ 4.84 บาทต่อหุ้น

  **Globlex Securities เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ซึ่งจะได้รับค่าธรรมเนียมในฐานะผู้จัดจำหน่าย

 

หุ้นมีข่าว

(+) JWD ( Bloomberg Consensus 20.25 บาท) ชูดีมานด์โลจิสติกส์ขยายตัว รับอานิสงส์เปิดประเทศ อัตราใช้พื้นที่คลังสินค้าพุ่ง ไตรมาส 4 รับรู้พรึ่บ มั่นใจผลงานไตรมาสสุดท้ายเด่น ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 15% ยืนเหนือ 6 พันล้านบาท ต่างประเทศเติบโตดี เดินหน้าดีลใหม่ต่อเนื่อง แย้มมีโอกาสปิด 1 ดีลในปีนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BCPG ( Bloomberg Consensus 12.30 บาท) จ่อลงสนามแบตเตอรีอีวี ชี้อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรมีชื่อเสียง เข้ามาร่วมทุนในการทาโรงงานแบตเตอรีลิเธียมไอออน คาดชัดเจนปี 2566 พร้อมเดินหน้าประมูลไฟฟ้าพลังงานทดแทนภาครัฐ วางเกมใหญ่ธุรกิจคาร์บอนเครดิต พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขาย เป้าสู่ Net Zero เร่งด่วนปี 2030 ที่มา ทันหุ้น)

(+) APCS (Bloomberg consensus - บาท) ใส่เกียร์ลุยธุรกิจ EPC หลัง Synergy พาร์ตเนอร์หนุนคว้างานใหม่เติมพอร์ตโต อวดแบ็กล็อกในมือมากกว่า 3-4 พันล้านบาท ด้านธุรกิจยานยนต์มองชิ้นส่วนในเครื่องยนต์สันดาปยังมีดีมานด์ พร้อมศึกษาการลงทุนต่อยอดใน EV Car (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PRM (Bloomberg consensus 8.20 บาท) กองเรือในมือเดินเครื่องเต็มสูบ หลังดีมานด์การขนส่งน้ำมันทางทะเลเพิ่มขึ้น รวมถึงกิจกรรมงานสำรวจและผลิตน้ำมันในอ่าวไทยที่ขยายตัว ควักงบ 1,896 ล้านบาท เล็งซื้อเรือ 3 ลำ ขยายฐานธุรกิจเติบโตแกร่ง ตามการฟื้นตัวของกิจการทางเศรษฐกิจ มั่นใจรายได้ปี 2565 เติบโตดีกว่าปีก่อน (ที่มา ทันหุ้น)