วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (11 ต.ค. 65)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (11 ต.ค. 65)

ราคาน้ำมันดิบถูกกดดัน หลัง FED มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในปี 66

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา 

- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับลด เนื่องจากตลาดกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) สาขาชิคาโก นายชาร์ลส์ อีแวนส์ กล่าวว่า FED มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปสู่ระดับที่ 4.5% ภายในเดือนมี.ค. 66 และจะคงอัตราดอกเบี้ยที่สูงต่อเนื่องในปี 2566 เพื่อชะลอเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ CEO ของ JPMorgan Chase กล่าวว่าสหรัฐฯ มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 6 ถึง 9 เดือนข้างหน้า

- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการเดือนก.ย. 65 ของจีนปรับลดลงสู่ระดับที่ 49.3 จากระดับ 55.0 ในเดือนส.ค. 65 ซึ่งเป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เนื่องจากการล๊อกดาวน์และใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกดดันต่อความต้องการใช้น้ำมันในประเทศและของโลก

+ ราคาน้ำมันดิบยังคงได้แรงหนุน จากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคและประเทศพันธมิตรลงกว่า 2.0 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนพ.ย. 65 เพื่อพยุงราคาน้ำมันดิบที่ถูกกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ตลาดกังวลอุปทานตึงตัว 


 

ราคาน้ำมันเบนซิน

ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดคาดอุปทานมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จากปริมาณการส่งออกของจีน หลังจีนประกาศโควตาการส่งออกครั้งใหม่ในปี 2022 ขณะที่อุปสงค์ในเวียดนามมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น  หลังโรงกลั่นในประเทศประสบปัญหาทางด้านเทคนิค ส่งผลต่อการผลิตในประเทศ


ราคาน้ำมันดีเซล

ปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานที่ปรับเพิ่มขึ้นจากตะวันออกกลาง โดยเฉพาะ Bahrain อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้แรงหนุนจากอุปทานฝั่งตะวันตกที่มีแนวโน้มตึงตัวจากเหตุการณ์ประท้วงของแรงงานในฝรั่งเศส 
 

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (11 ต.ค. 65)