Electronics Sector ประมาณการ 3Q65: กำไรจากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ
เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักรวมใน 3Q65F ของบริษัทในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่เราศึกษาอยู่ (Delta Electronics (Thailand) (DELTA.BK/DELTA TB)*, Hana Microelectronics (HANA.BK/HANA TB)*, KCE Electronics (KCE.BK/KCE TB)*
และ SVI (SVI.BK/SVI TB)) จะอยู่ที่ 5.1 พันล้านบาท (+71 YoY, -5% QoQ) ซึ่งจะทำให้กำไรจากธุรกิจหลักรวมในงวด 9M65F อยู่ที่ 1.39 หมื่นล้านบาท (+66% YoY) จากยอดขายจะคาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 21% YoY เราคาดว่ากำไรของ DELTA จะโตแรงสุด YoY ถึง 194% YoY จากยอดขายที่คาดว่าจะโต 38% YoY (เพราะมีการกลับมาเปิดดำเนินการ
หลังน้ำท่วมใน 3Q64) และอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.9ppts YoY ในขณะเดียวกัน เราคาดว่ากำไรของ SVI จะโตแรงสุด QoQ ที่ 21% เนื่องจากคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 12% QoQ (จาก backlog ที่แข็งแกร่ง) และอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้น 0.5ppt QoQ จากการอ่อนค่าของเงินบาท
วัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมอาจจะจบรอบแล้ว และความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจอาจจะทำให้ยอดขายของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ไทยอ่อนแอ
วัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมมีโอกาสจะจบรอบไปแล้วหลังจากที่ยอดขาย semiconductor โลกขยับขึ้นมาแล้วถึง 37 เดือน (จากเมษายน 2562 - พฤษภาคม 2565) ซึ่งยาวกว่าขาขึ้นรอบก่อน ๆ ที่กินเวลาประมาณ 30 เดือน (Figure 2) ซึ่งเมื่ออิงจากข้อมูลในอดีต ยอดขาย semiconductor โลกจะลดลงประมาณ 15% โดยเฉลี่ย ยกเว้นในช่วงที่เกิดวิกฤติการเงินในสหรัฐ ที่ลดลงไปถึง 39% ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2550 และ กุมภาพันธ์ 2552 (Figure 3) ทั้งนี้ ยอดขายของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ไทยมีโอกาสจะขยับไปในทิศทางเดียวกับยอดขาย semiconductor โลก (Figure 4-7) โดยยอดขายของ DELTA มักจะฟื้นตัวได้ดีที่สุด ดังนั้น จากการที่ยอดขายของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ไทยมมีสหสัมพันธ์กับยอดขาย semiconductorโ ลกประมาณ 0.8 ในขณะที่วัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมอาจจะจบรอบแล้ว และยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป จึงน่าจทำให้ยอดขายลดลง
ปรับสมมติฐานยอดขาย และกำไรเพื่อสะท้อนความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
เราปรับลดสมมติฐานยอดขายของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยลง 3-13% เพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ (Figure 13) โดยเราปรับลดยอดขายของ KCE ลงมากที่สุดในกลุ่ม เพราะมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยุโรปค่อนข้างสูง (50% ของยอดขายรวม) ในขณะที่สินค้าขั้นสุดท้ายเป็นสินค้าประเภทที่มีราคาแพง และอ่อนไหวกับภาวะเศรษฐกิจ (กลุ่มยานยนต์คิดเป็นประมาณ 70% ของรายได้รวม) ดังนั้น เราจึงปรับลดประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักในปี 2566 ลง 4% - 19% (Figure 17) ซึ่งหมายความว่าประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปี 2566 ของ KCE จะหดตัว 3% และของ HANA จะหดตัว 2% ในขณะ
ที่ของ SVI จะโต 3% และของ DELTA จะโต 10%
กำหนด PER แบบมี premium/ discount เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานของแต่ละบริษัท
เรากำหนด PER แบบมี premium (+0.5 S.D.) สำหรับหุ้น DELTA เพื่อสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ปรับตัวได้ดี ในขณะที่กำหนด PER -0.25 S.D. สำหับหุ้น KCE และ HANA เพื่อสะท้อนถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และกำหนด PER -0.5 S.D. สำหรับหุ้น SVI เพื่อสะท้อนถึงพอร์ตธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยุโรป (ประมาณ 70% ของรายได้รวม) และอัตรากำไรที่ด้อยกว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม
Valuation & action
เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ "เท่ากับตลาด" โดยเราแนะนำ "ถือ" สำหรับหุ้นทุกตัวในกลุ่มนี้ที่เราศึกษาอยู่ และแนะนำให้นักลงทุนรอดูสถานการณ์ไปก่อน
Risks
ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, การจัดส่งสินค้าล่าช้า, ขาดแคลนวัตถุดิบ, และ เงินบาทแข็งค่าขึ้น
