ตลาดช่วงสั้นจะให้น้ำหนักกับความเสี่ยงปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจ

ตลาดช่วงสั้นจะให้น้ำหนักกับความเสี่ยงปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจ

เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% และปรับลดคาดการณ์ GDP ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติ 12:0 ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% สู่ระดับ 3.25% และปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2565-66 เหลือ 0.2% และ 1.2% ตามลำดับ

ขณะที่มุมมองการขึ้นดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล (Dot Plot) แสดงถึงคาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายสิ้นปี 2565 ที่ 4.4% (จากเดิม 3.4%), สิ้นปี 2566 ที่ 4.6% (จากเดิม 3.8%) และสิ้นปี 2567 ที่ 3.9% (จากเดิม 3.4%) ทั้งนี้การขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องทำให้ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ สูงสุดนับจากปี 2551 และในระยะสั้นจะก่อความกังวลเกี่ยวกับผลของดอกเบี้ยในระดับสูงที่กระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงอัตราการผิดนัดชำระของภาคธุรกิจ ขณะที่การแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ (Dollar Index) จะกดดันต่อภาพการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้นได้

 

การปรับลดลงในรอบนี้อาจเปิดโอกาสลงทุนที่น่าสนใจ 1) การปรับลดประมาณการ GDP สหรัฐฯ รวมไปถึงการเข้าสู่ภาวะถดถอยของประเทศยุโรปในช่วงไตรมาส 4/65-1/66 อาจสร้างความกังวลระยะสั้นแก่ตลาดทุนและสินทรัพย์เสี่ยงบ้าง แต่ตลาดรับรู้ปัจจัยดังกล่าวไปในระดับหนึ่งแล้ว 2) แม้สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนอาจแรงขึ้น แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่เปลี่ยนแปลง ยกเว้นจะมีการปรับแนวทางในการคว่ำบาตรรัสเซีย 3) การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในปีหน้าจะอยู่ในระดับจำกัด ทำให้การแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ ที่ดำเนินมากว่า 20 เดือน น่าจะใกล้ถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ 4) ตลาดหุ้นไทยและอาเซียน อาจปรับลงในช่วงสั้น แต่โมเมนตัมการฟื้นตัวของการเปิดประเทศและการบริโภคภายใน ทำให้ยังน่าจะเป็นเป้าหมายของเงินลงทุนต่างชาติ แม้ในระยะสั้นอาจเห็นการปรับพอร์ตทำกำไรบ้างก็ตาม

 

 

 

 


 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 2) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 3) มาตรการสนับสนุน EV ได้แก่ EA, GPSC, PIMO  4) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001 5) กลุ่มไฟฟ้าแผน PDP ใหม่ บวกกับ EGCO, RATCH, GULF, GUNKUL, SSP 6) เก็งกำไรทางเทคนิค CRC, RATCH, RS, SC, TH, TLI, BAM, EA, BAFS, CK, MBK, SAMART, TPIPL, ARIN, SVT, TFG, MC, TKN, SCGP, MONO, ONEE, SKE

 

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวลงในกรอบ 1,600-1,670 จุด อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ รอเลือกซื้อกลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ซื้อ: ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร กองรีทส์/ สะสมค้าปลีก การเงิน) ระยะสั้นกลุ่มหุ้นปลอดภัย หุ้นที่ยังขึ้นน้อย รวมถึงหุ้นขนาดกลางที่มีปัจจัยบวกรายตัว มีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่า ส่วนกลุ่มพลังงานแค่รอเก็งกำไรแนวรับ และเลี่ยงหุ้นโรงกลั่นที่กำไรไตรมาส 3 น่าจะชะลอหนัก   //หุ้นแนะนำ:  ADVANC*, VRANDA*, PTG*, TU*

แนวรับ: 1,605-1,620 / แนวต้าน : 1,645 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

 

 

 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 7 - ลดลง 0.4% สู่ระดับ 4.80 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. MoM ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2558 

บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 2 ปี พุ่งทะลุ 4% นิวไฮ 15 ปี - ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2550 และอยู่สูงกว่าพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีและ 30 ปี ส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย

EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด – เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล

ADB หั่นคาดการณ์ศก.เอเชียปีนี้-ปีหน้า - จะขยายตัว 4.3% ในปี 2565 ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 4.6% ส่วนในปี 2566 คาดว่าจะขยายตัว 4.9% ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 5.2%

กกพ.เผยแผน PDP ใหม่สรุปปลายปี 65 – ระหว่างนี้จะต้องผ่านการเปิดรับฟังความเห็นประชาชน ฉบับใหม่ที่ต่างจากฉบับเดิม คือ ฉบับเดิมภาครัฐจะทำหน้าที่จัดหาพลังงานให้ประชาชน แต่แผนฉบับใหม่ ประชาชนจะสามารถเป็นผู้ขายพลังงานได้เช่นกัน ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและขายไฟฟ้าได้ 

กสทช.ปฏิเสธเปิดรายละเอียดหนังสือกฤษฎีกาตีความอำนาจพิจารณาดีล TRUE-DTAC - นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. ยืนยันว่า สำนักงานฯ ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของหนังสือดังกล่าว และยังปฏิเสธกับสื่อที่มาสอบถาม

หุ้นเพิ่มทุน TOP พร้อมเทรด 30 ก.ย. - จำนวนหุ้นที่เสนอขาย 192,307,693 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 8.5% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของไทยออยล์ 

Opportunity day – 22 ก.ย. – VL, PPS, TKS, GLORY, TACC, DEMCO, TKT / 23 ก.ย. SIS, KWM, PRIME, VIBHA / 27 ก.ย.PSTC, TPS, CPANEL, STI, TFG, GPI, UBIS 

 

ประเด็นติดตาม: 22 ก.ย. – US Initial Jobless Claims / 23 ก.ย. – US Manufacturing & Services PMI, Fed Chair Powell Speaks / 27 ก.ย. - US New Home Sales, CB Consumer Confidence / 28 ก.ย. - TH Interest Rate Decision, US Pending Home Sales / 29 ก.ย. – US GDP 2Q22 / 30 ก.ย. – EU CPI

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)