อาจผันผวนจากการลดน้ำหนักหุ้นใหญ่ จาก FTSE Rebalancing วันนี้

อาจผันผวนจากการลดน้ำหนักหุ้นใหญ่ จาก FTSE Rebalancing วันนี้

ตลาดเพิ่มกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น ปฏิกิริยาที่สำคัญในตลาดเงินและการลงทุนวานนี้ ได้แก่ 1) การเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ต่อเนื่อง 2) ตลาดปรับเพิ่มคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเฟด 21 ก.ย. ไปอยู่ที่ 1.0%

3) เครื่องมือ GDP Now ของ เฟดแอตแลนต้า บ่งชี้ GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 3/65 ชะลอลงเหลือ +0.5% (จากปลาย ส.ค.ที่ +2.5%)  4) ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง 3-4%  5) ธนาคารโลก ออกรายงานเตือนเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเวลาเดียวกันเพื่อสู้กับเงินเฟ้อ // ปัจจัยข้างต้นประกอบกับเงินบาทที่ในระยะสั้นมีความเสี่ยงที่จะอ่อนค่าหลุด 37 บาท ทำให้เรายังประเมินภาพรวมตลาดระยะสั้นยังมีโอกาสผันผวนลงในกรอบ 1,600-1,670 จุด โดยคาดตลาดมีเสถียรภาพขึ้นหลังการประชุมเฟด 21 ก.ย.

 

กลุ่มโรงไฟฟ้า: ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย สัดส่วนผลิตไฟฟ้าของรัฐไม่ถึง 51% ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 56 ที่กำหนดให้โครงสร้างหรือโครงข่ายพื้นฐานของกิจการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชนและความมั่นคง รัฐจะมีความเป็นเจ้าของน้อยกว่า 51% มิได้ // ตลาดกังวลประเด็นดังกล่าวเนื่องจากปัจจุบันกำลังการผลิตไฟฟ้าของทั้งประเทศมาจากรัฐฯ น้อยกว่า 51% โดยเป็นเอกชน (57%), กฟผ. (34%) และตปท. (9%) อย่างไรก็ตามหากมองว่าโครงสร้างพื้นฐานหมายถึงระบบสายส่งไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันยังเป็นของรัฐ (กฟผ.) 100% ผลการพิจารณาของศาลฯ ก็จะไม่มีผลกระทบกับอุตสาหกรรม ทั้งนี้กระทรวงพลังงานต้องยื่นชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาใน 15 วัน อย่างไรก็ตามความไม่ชัดเจนดังกล่าวทำให้การออกแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) ฉบับใหม่อาจล่าช้า 
 

 

 

 

การปรับพอร์ตตามดัชนี FTSE มีผลสิ้นวันนี้ ซึ่งอาจทำให้ตลาดผันผวนจากการปรับหุ้นเข้าออกและเพิ่มลดน้ำหนักของหุ้น ซึ่งภาพรวมเป็นดังนี้ // หุ้นใหญ่และกลาง (Large and Mid Cap) ไม่มีหุ้นเข้าออก แต่มีการปรับน้ำหนักที่สำคัญ ได้แก่ เพิ่มน้ำหนัก BH ขณะที่ลดน้ำหนัก ADVANC, AOT, BDMS, CPALL, CPN, GULF, KBANK, PTT, PTTEP, SCB, SCC / หุ้นเล็ก (FTSE Small Cap) หุ้นเข้า BYD, FORTH, RAM และ VIBHA และหุ้นออก IMPACT

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มได้ประโยชน์จากคนละครึ่งเฟส 5 อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE, TNP, KK, MAKRO 2) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 4) มาตรการสนับสนุน EV ได้แก่ EA, GPSC, PIMO  5) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001 6) เก็งกำไรทางเทคนิค CRC, RATCH, CPF, RS, SC, TH, TLI, BAM, EA, BAFS, CK, MBK, SAMART, TPIPL, ARIN, SVT, TFG, MC, TKN, SCGP, MONO, ONEE, SKE

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวในกรอบ 1,600-1,670 จุด อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ รอเลือกซื้อกลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ซื้อ: ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร กองรีทส์/ สะสมค้าปลีก การเงิน) ระยะสั้นกลุ่มหุ้นปลอดภัย หุ้นที่ยังขึ้นน้อย รวมถึงหุ้นขนาดกลางที่มีปัจจัยบวกรายตัว มีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่า ส่วนกลุ่มพลังงานแค่รอเก็งกำไรแนวรับ และเลี่ยงหุ้นโรงกลั่นที่กำไรไตรมาส 3 น่าจะชะลอหนัก   //หุ้นแนะนำ:  EPG*, SVT*, PTG*, VRANDA*

แนวรับ: 1,640-1,650 / แนวต้าน : 1,670 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 


 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐเผยยอดค้าปลีกสูงเกินคาด – เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. mom หลังจากลดลง 0.4% ในเดือนก.ค. นักวิเคราะห์คาดจะทรงตัวในเดือนส.ค. หรือเพิ่มขึ้น 0.0%

สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด - ลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน และสวนทางนักวิเคราะห์คาดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 226,000 ราย

เวิลด์แบงก์เตือนเศรษฐกิจโลกถดถอยปีหน้า - เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกกำลังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยพร้อมกัน คาดจำเป็นจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2% เพื่อสกัดเงินเฟ้อให้อ่อนตัวลง หลังปรับขึ้นแล้ว 2% ซึ่งการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจะฉุดให้ GDP ของโลกลดลงสู่ระดับ 0.5% ในปี 2566 

วุฒิสภาสหรัฐอนุมัติร่างกฎหมายเปิดทางสหรัฐให้การสนับสนุนไต้หวันเต็มที่ - เป้าหมายเพื่อส่งเสริมการสนับสนุนของสหรัฐต่อไต้หวัน โดยรวมถึงการจัดสรรเงินช่วยเหลือด้านความมั่นคงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ 

MINT ยันวิกฤติพลังงานในยุโรปไม่กระทบผลงาน - ยืนยันสามารถรับมือกับต้นทุนราคาพลังงานได้ หลังสถานการณ์ราคาพลังงานในทวีปยุโรปพุ่งสูง เนื่องจากได้ทำการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ราคาพลังงานเอาไว้ล่วงหน้าแล้วจนถึงปีหน้า

ก.ล.ต.เตือนผู้ถือหุ้น JAS ไปใช้สิทธิกรณีขายหุ้น TTTBB-JASIF หลัง IFA มองเสี่ยง - ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเห็นว่าผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติทำรายการ เนื่องจากยังอาจมีความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้ถือหุ้น

BBL ขยายเวลาชำระหนี้-ลดดอกเบี้ย JASIF หากปิดดีลขายสำเร็จ - บลจ.บัวหลวง ในฐานะบริษัทจัดการของ JASIF อยู่ระหว่างประสานงานกับ BBL เพื่อขอผ่อนผันข้อกำหนดตามสัญญาสินเชื่อ

iPhone 14 เปิดขายในไทยวันแรก – หลังพรีออเดอร์ในวันที่ 9 ก.ย. 65 ที่ผ่านมา

FTSE เพิ่มน้ำหนักลงทุน BH – กว่า 1.28 พันลบ. Passive Fund เข้าซื้อราคาปิดวันนี้ 

5 หุ้นเล็กเข้า FTSE Small Cap – ได้แก่ BYD, FORTH, RAM, VIBHA, IMPACT

หุ้นที่มีโอกาสเข้าเกณฑ์ Cash Balance – ได้แก่ KWI

Opportunity day – 16 ก.ย. – HFT, MENA, FVC / 19 ก.ย. – IP, BM, GCAP, DPAINT / 20 ก.ย. – SO, THAI, CMAN, YGG, NWR, RSP, BRR 

 

ประเด็นติดตาม: 16 ก.ย. – EU CPI / 20 ก.ย. – US Building Permits / 21 ก.ย. – US Existing Home Sales, Fed Interest Rate Decision / 23 ก.ย. – US Manufacturing & Services PMI 

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)