ลุ้นขึ้นต่อ หุ้นรายงานพิเศษ CH (12 ก.ย. 65)

ลุ้นขึ้นต่อ หุ้นรายงานพิเศษ CH (12 ก.ย. 65)

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นต่อ ขึ้นทะลุแนว 1,650 จุด ระหว่างวัน บวกสูงสุด 19 จุด ปิดตลาดเหลือ +15 จุด มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบที่รีบาวนด์ขึ้นมา และแรงซื้อหุ้น DELTA ส่งผลต่อดัชนีราว +6.4 จุด

ขณะที่กลุ่มค้าปลีกเผชิญแรงขาย ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,654.62 จุด +14.62 จุด +0.89% มูลค่าการซื้อขาย 63,450.10 ลบ. ต่างชาติ +1,299.52 ลบ. TFEX +20,218 สัญญา ตราสารหนี้ +1,377.46 ลบ.

 

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิด เพิ่มขึ้น 377.19 จุด +1.19% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์บวก 2.7% และปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นโดยมองข้ามความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และดูเหมือนว่านักลงทุนได้ปรับตัวรับแนวโน้มที่เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมเดือนนี้
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 3.25 ดอลลาร์ +3.9% ปิดที่ 86.79 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังคงปรับตัวลง 0.1% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากความวิตกเกี่ยวกับอุปทานน้ำมัน และการร่วงลงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน แต่ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลงในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
+ กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศถอนทหารออกจาก 2 พื้นที่ในแคว้นคาร์คิฟ ทางตะวันออกของยูเครน หลังกองทัพยูเครนเครนโจมตีตอบโต้อย่างหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
+ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การส่งออกข้าวของไทยว่า ในปีนี้คาดว่าจะส่งออกข้าวได้มากกว่าเป้าหมาย 7 ล้านตัน ในช่วงม.ค.-ก.ค. ปีนี้ ส่งออกได้แล้วกว่า 4 ล้านตัน สร้างรายได้เข้าประเทศ 71,105 ล้านบาท
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ในประเทศวันนี้ ป่วยรายใหม่รักษาในรพ. 698 ราย มีผู้เสียชีวิต 15 ราย รักษาหาย 1,966 ราย

 

ปัจจัยลบ

- FedWatch Tool บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 90% ที่ FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. เพิ่มจากระดับ 57% ในสัปดาห์ก่อน
 

- ทีมนักวิเคราะห์จากบริษัทโนมูระ โฮลดิ้งส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มอัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ในเดือนก.ย.และพ.ย.ปีนี้
- อินเดียซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกโดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% ของตลาดโลกได้กำหนดภาษีส่งออกข้าวบางส่วนเพื่อรักษาอุปทานข้าวภายในประเทศหลังจากผลผลิตข้าวลดลง
- รมว.กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีเตือนว่า ธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศมีความเสี่ยงที่จะต้องปิดกิจการ เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อสูงและวิกฤติด้านพลังงาน
- กรมอุตุฯคาดทั่วไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและหนักมาก กทม.-ปริมณฑลมีฝน 80% พื้นที่หลายจังหวัดประสบปัญหาน้ำท่วม

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ จะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI Rebound หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน กรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,650-1,660 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น : BH BDMS D
• โครงการคนละครึ่งเฟส 5 : TNP KK BJC MAKRO CBG OSP TKN ICHI SAPPE
• ผลประกอบการหุ้นกลุ่มโรงแรมเริ่มฟื้นตัว+ขยายวีซ่านักท่องเที่ยว : ERW CENTEL AWC
• วิกฤติพลังงานยุโรป+จีนเริ่มใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น : PRM VL BANPU LANNA AGE
• นายกฯ ออกเกณฑ์ให้ต่างชาติได้ BOI ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ : WHA AMATA ROJNA

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                                                    CH - บมจ.เจริญอุตสาหกรรม - SET / Agro & Food

                                                       Industry / Food & Beverage (IPO 2.34 บาท)

•บริษัท เจริญอุตสาหกรรม จากัด (มหาชน) (CH) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลไม้อบแห้ง ปลากระป๋อง และขนมเพื่อสุขภาพ โดยมีผลิตภัณฑ์หลักคือ ผลไม้อบแห้ง และปลากระป๋อง ซึ่งเน้นส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อินเดีย เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิต และมาตรฐานด้านผลิตภัณฑ์ระดับสากล

•ในปี 2564 บริษัทมีรายได้ลดลง -12% เนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 ส่งผลต่อจำนวนชั่วโมงการผลิตลดลงจากการที่พนักงานฝ่ายผลิตในโรงงานจะต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกัน COVID-19 สำารับงวด 3M65 บริษัทมีรายได้จากการขาย เท่ากับ 395 ลบ. หรือ เติบโต 9.2%YoY สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของทั้งรายได้จากการขายผลไม้อบแห้ง และรายได้จากการขายปลากระป๋อง ที่ส่งออกไปต่างประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากคำสั่งซื้อในช่วงปลายปี 2564 ที่ลูกค้าไม่สามารถจัดหาเรือและตู้คอนเทนเนอร์เพื่อมารับสินค้าได้ และได้มีการทยอยส่งในช่วงต้นปี 2565 โดยปี 64 และ 3M65 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 67.1 ลบ. และ 8.0 ลบ. ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (%NPM) 4.5% และ 2.0% ตามลำดับ โดยกำไรสุทธิปี 2564 ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ถึงแม้ว่ารายได้และอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลง แต่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 38.6 ลบ. และงวด 3M65 เติบโต 67.6%YoY จากรายได้และ %GPM ที่เพิ่มสูงขึ้น

•ผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี 2565 และปี 2566 คาดว่าจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง โดยมีสาเหตุหลักจาก 1) ตลาดผลไม้อบแห้งขยายตัวได้ดี จากพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ซึ่งมีการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบ 2) การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น Innovative Healthy Food 3) กำลังซื้อจากลูกค้าเดิมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่กลับมาหลังการเปิดประเทศ 4) มีแผนนำเงินจาก IPO ไปลงทุนปรับปรุงโรงงานผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตสินค้า 5) ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับมาตรฐานสากล ได้แก่ GMP, HACCP, BRCGS, HALAL, KOSHER ซึ่งจะทำให้บริษัทเข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างประเทศได้หลากหลาย เราประมาณการรายได้ปี 2565-2566 ราว 1,630.4 ล้านบาท และ 1,842.3 ล้านบาท เติบโต +13.0%YoY และ +13.0% พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ระกับ 82.0 ล้านบาท และ 96.6 ล้านบาท เติบโต +22.3%YoY และ +17.9% ตามลำดับ

•เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.34บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธี P/E Ratio โดยอิงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของหุ้นกลุ่ม Food & Beverage ที่ ได้ PER เฉลี่ยที่ 25.0 เท่า โดยเราประเมินกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2566 ที่ราว 0.12 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสมปี 2566 ที่ 3.00 บาทต่อหุ้น และคาดหวังอัตราเงินปันผลที่ 1.7% ต่อปี (คำนวณโดยใช้ราคาเหมาะสม)

 

**Globlex Securities เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ซึ่งจะได้รับค่าธรรมเนียมในฐานะผู้จัดจำหน่าย

 

หุ้นมีข่าว

(+) GULF ( Bloomberg Consensus 55.00 บาท) จ่อรับทรัพย์ หลังทุ่มงบกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson ในสหรัฐ ขนาดกำลังการผลิต 1,200 เมกะวัตต์ เดินหน้าลดคาร์บอนด์ต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SABUY ( Bloomberg Consensus 50.00 บาท) แย้มผลงานไตรมาส 4/2565 พีคสุดในรอบปี รับอานิสงส์จากการลงทุนธุรกิจใหม่-บุ๊กรายได้ TSR เต็มปี ล่าสุดผนึก NRF รุกสินค้าสุขภาพและความงาม พร้อมวางหมากปี 2566 รายได้แตะ 2 หมื่นล้านบาท ลุยเก็บเกี่ยวเงินลงทุนเต็มพิกัด แถมศึกษาเข้าลงทุนใน TSR เพิ่ม จากเดิมที่ลงทุนแล้ว 24.9% หวังชัดเจนภายในปีนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(0) XO (Bloomberg consensus 16.00 บาท) เดินเกมเจาะตลาดใหม่ในสหรัฐอเมริกา ชี้ประชากรมีกำลังซื้อสูงโอกาสโตมีอีกเพียบ ล่าสุดโกยออเดอร์เข้าแล้ว คาดดันยอดขายเพิ่มไม่ต่ำกว่า 2% พร้อมยอมรับยอดขายปี 2565 ตกหลังสถานการณ์โควิดในยุโรปคลายตัว กดผลงานปีนี้อาจไม่โตตามเป้า ส่วนวัตถุดิบปรับขึ้น เล็งอัพราคาขายในปี 2566 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) EKH (Bloomberg consensus 8.58 บาท) เผยกำเงินทุนกว่า 500 ล้านบาท เดินหน้าขยายรพ.-เจรจาซื้อกิจการ 3-4 ดีล หลังล่าสุดทุ่มงบกว่า 160 ล้านบาท เปิดตัวโรงพยาบาลคูน ขนาด 30 เตียง โรงพยาบาลเฉพาะทางที่ให้การดูแลรักษาแบบ Palliative Care แห่งแรกของประเทศไทย (ที่มา ทันหุ้น)