Sideways Up ซื้อเก็งกำไร COM7 SPVI BDMS (8 ก.ย. 2565)

Sideways Up ซื้อเก็งกำไร COM7 SPVI BDMS (8 ก.ย. 2565)

คาดดัชนีฯ Sideways Up แนวต้าน 1,650 / 1,666 จุด แนวรับ 1,631 จุด (EMA 10 วัน) / 1,620 จุด (EMA 25 วัน) แนะนำซื้อเก็งกำไร COM7 SPVI BDMS ทางเทคนิค ยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น (จุดต่ำสุด และจุดสูงสุดรายวัน ยังคงปรับสูงขึ้น) โดยมีสัญญาณซื้อเพิ่ม หากทะลุแนวต้านเดิม 1,650 จุด

โมเมนตัมบวก คือ US Bond Yield เริ่มมีการชะลอตัว หนุนหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกวานนี้ ช่วยหนุน Sentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้นโลกวันนี้ ไฮไลท์วันนี้ คือ USA สุนทรพจน์ประธานเฟด Powell ที่ Cato Institute (คาดส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อเช่นเดิม) และสุนทรพจน์ประธานเฟดต่าง ๆ ในงานสัมมนาอื่น ๆ Fed Chicago Evans; Fed Minneapolis Kashkari (Non-Voters); ECB Meeting (ตลาดเงินคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75%); Japan 2Q22E GDP Growth ครั้งสุดท้าย คาด 0.7% QoQ (Vs 1Q22 0% QoQ)

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC JMART TCAP JMT CENTEL BEM AOT WHA CPN MINT KTB BDMS FORTH (ขำย KKP และ AWC; ซื้อ EA)

+ Daily Recommendations: COM7 SPVI (ไทยได้รับการจัดกลุ่มเป็นประเทศ Tier 1 ในการขาย iPhone 14) BDMS (Defensive Play)

+ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับสูงขึ้นของ Bond Yield: KBANK TTB BLA TIPH

+ หุ้นกลุ่มได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท: TFG ASIAN BH BDMS

+ หุ้นกลุ่ม Smart Phone รับอานิสงส์ประเทศกลุ่ม Tier 1 ในการจอง iPhone 14: COM7 CPW SPVI JMART SIS SYNEX

+ หุ้นที่มีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 จากการปรับเกณฑ์ Turnover Ratio: DELTA BJC

 

ปัจจัยบวก

+ iPhone 14: จากการเปิด iPhone 14 ในค่ำคืนที่ผ่านมา โดยไทยติดกลุ่มประเทศ Tier 1 ซึ่ง Apple จะเปิด Pre-Order ในวันที่ 9 ก.ย. และลูกค้าจะสามารถรับเครื่องในวันที่ 16 ก.ย. นี้ (+หุ้นกลุ่มผู้ขำย Smart Phone)

+ SET50 / SET100: กรณีตลท. เปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์จัดทำดัชนี SET50 และ SET100 ลด Turnover Ratio ลงมา จากเดิม 5% เป็น 2% ทำให้หุ้น Big Cap บางหลักทรัพย์ที่เดิมมี Turnover Ratio ต่ำกว่าเกณฑ์ มีโอกาสถูกปรับเข้ามาคำนวณ SET50 / SET100 งวด 1H23 เช่น DELTA BJC

 

ปัจจัยลบ

- China: ดุลการค้าของจีนเดือน ส.ค. ลดลง เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จากการส่งออกเติบโตต่ำสุดรอบ 4 เดือน ที่ 7.1% YoY และคาดว่าจะชะลอตัวต่อเนื่องในเดือน ก.ย. อิงผลกระทบจากการออกมาตรการล็อกดาวน์เมืองใหญ่เพิ่มเติมในเสฉวน กุ้ยโจว อย่างไรก็ดี เราคาดว่ารัฐบาลจะเร่งประกาศรายละเอียดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านหยวน เพื่อพยุงเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ยานยนต์ไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่

 

ประเด็นสำคัญ

- Opportunity Day: B-WORK WPH SC III SISB UBE

- USA: สุนทรพจน์ประธานเฟด Powell ที่ Cato Institute และสุนทรพจน์ประธาน เฟดต่าง ๆ ในงานสัมมนาอื่น ๆ Fed Chicago Evans; Fed Minneapolis Kashkari (Non-Voters)

- ECB Meeting: (ตลาดเงินคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 125 Bps. ในการประชุม 2 ครั้งข้างหน้า โดยการประชุมวันนี้คาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% (โอกาส 80%)

- Japan: 2Q22E GDP Growth ครั้งสุดท้าย คำด 0.7% QoQ (Vs 1Q22 0% QoQ)

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวกดีสุดในภูมิภาค: ตลาดหุ้นไทยพลิกจากแกว่งตัวออกด้านข้างในการซื้อขายภาคเช้า กลับมาเป็นทิศทางขาขึ้นในช่วงภาคบ่าย กรอบการเคลื่อนไหว 1,629.12-1,640.91 จุด และปิดตลาดที่ 1,639.92 จุด +6.05 จุด วอลุ่มซื้อขาย 7.1 หมื่นล้านบาท นำขึ้นโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +8.28% (DELTA +10.4%) พาณิชย์ +1.7% ประกันภัยและประกันชีวิต +1.39% บริการรับเหมาก่อสร้าง +0.58% หุ้นบวก >4% DELTA MAKRO DITTO TEAMG CPH KWI SMK PAP SICT CHEWA NFC CPR APRUE BIS หุ้นลบ >4% JASIF BCP AH TSR ASN RP TIGER PROUD SAMART
 

 

 

+/- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ส่วนหุ้นยุโรปปิดผสมผสาน: DJIA +1.4% S&P500 +1.83% NASDAQ +2.14% จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี (TESLA +3.38% Amazon +2.67% Apple +0.93%) ซึ่งถูกจัดเป็นหุ้นกลุ่มเติบโต Growth Stocks หลังจาก US Bond Yield กลับมาปรับลดลงเป็น 3.27% (Vs วันก่อนหน้า 3.31%) และแรงซื้อหุ้น Defensive (Merck & Co +0.5% PG&E +4.09%) ซึ่งเป็นหุ้นปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจได้ดี ส่วนหุ้นยุโรปปิดคละ CAC40 +0.02% DAX +0.35% FTSE -0.86% นำลงโดยหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากการเปิดเผยข้อมูลการค้าที่อ่อนแอของจีนได้เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นำบวกโดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค กังวลต่อปัญหาขาดแคลนพลังงานในยุโรป หลังรัสเซียขู่ที่จะยุติการส่งก๊าซให้อียู หาก อียูออกมาตรการกำหนดเพดานราคาก๊าซของรัสเซีย

+/- ราคาน้ำมันดิบปิดลบ ส่วนทองคำปิดบวก: WTI -USD4.94 ปิดที่ USD81.94/บาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. Brent -USD4.83 ปิดที่ USD88.00/บาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. (ราคาน้ำมันดิบโลกต่ำกว่าช่วงก่อนรัสเซียรุกรานยูเครน) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังธนาคารกลางโลกเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ส่วนราคาทองคำ +USD14.90 ปิดที่ USD1,727.80/ออนซ์ จากแรงซื้อทองคำในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

 

ประเด็นสำคัญ

+ Thailand: คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2022 ขยายตัวในกรอบ 2.75-3.5% ขณะที่มูลค่าการส่งออกคาดยังขยายตัวได้ 6-8% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในกรอบ 5.5-7.0% โดยประเมินว่าในช่วงที่เหลือของปี การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวชัดเจนขึ้น คาดจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี แตะระดับ 9-10 ล้านคน

+ Thailand: ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ย้ำว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย เพื่อให้กลับเข้าสู่ระดับปกตินั้น จะต้องปรับอย่างค่อยเป็นค่อยไป และให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัว ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่สูง จากแรงกดดันด้านอุปทาน ทั้งนี้ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวในช่วงหลัง COVID-19 ได้อย่างต่อเนื่อง และไม่สะดุด หรือเรียกว่า Smooth Takeoff

- China: ยอดส่งออกเดือน ส.ค. ของจีนปรับตัวขึ้นเพียง 7.1% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือน ก.ค. ที่มีการขยายตัว 18% เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้ อุปสงค์สินค้าจีนในต่างประเทศลดลง นอกจากนี้ มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 และปัญหาคลื่นความร้อนยังส่งผลกระทบต่อการผลิต และทำให้เศรษฐกิจจีนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง

- EU: 2Q22 GDP ของยูโรโซน ปรับตัวขึ้น 4.1% เมื่อเทียบรายปี โดยสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ระบุว่าการขยายตัวของ 2Q22 GDP ของ ยูโรโซนแข็งแกร่งกว่าที่ประมาณการไว้ เนื่องจากการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนฟื้นตัวขึ้น หลังชะงักงันมาร่วมครึ่งปี แม้รายได้ที่ใช้จ่ายได้จริงจะถูกบีบคั้นจากภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นก็ตาม

แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: JMART COM7 SPVI

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: COM7 SPVI BDMS

Derivatives: แนะปิด Long S50U22 ทำกำไรทั้งหมด