อ่อนตัวตามภูมิภาค หุ้นรายงานพิเศษ SMIT

อ่อนตัวตามภูมิภาค หุ้นรายงานพิเศษ SMIT

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงการซื้อ-ขาย ปรับตัวขึ้นถึง +14 จุด จากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงาน โรงฟ้า และค้าปลีก เช่น GULF +9.80% ส่งผลบวกต่อดัชนี +4.9 จุด EA +4.53% จากประเด็นรอประกาศแผน PDP ฉบับใหม่

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,633.87 จุด +11.87 จุด +0.73% มูลค่าการซื้อขาย 70,060 ลบ. ต่างชาติ -259.14 ลบ. TFEX +13,743สัญญา ตราสารหนี้ +7,724.24 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า PMI ภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 43.7 ในเดือนส.ค. จากระดับ 47.3 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 44.1
+ ทางการญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ภาคครัวเรือนญี่ปุ่นมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนมิ.ย. แม้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
+ สถาบันการเงินชั้นนำมองว่า ในขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับความผันผวนอย่างหนักหลังจากเฟด ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกนั้น นักลงทุนต่างชาติก็เริ่มหันมาให้ความสนใจตลาดหุ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเศรษฐกิจในภูมิภาคแห่งนี้มีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง
+ สรท. เปิดเผยว่า เดือน ก.ย. ได้คาดการณ์ตัวเลขการส่งออกปี 65 ยังคงไว้ที่ 6-8% หรือมีมูลค่า 293,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าอยู่กรอบสูงสุดที่ 8% เนื่องจากปัจจัยบวกจากการส่งออกของกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารที่เป็นธงสำคัญ และไทยยังได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า ส่งผลให้การเติบโตของภาคการส่งออกยังเป็นไปตามที่คาดไว้
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ป่วยรายใหม่รักษาในรพ. 1,605 ราย มีผู้เสียชีวิต 20 ราย รักษาหาย 1,618 ราย

 

ปัจจัยลบ  

- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 173.14 จุด หรือ -0.55% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคบริการสหรัฐจะผลักดันให้เฟด เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการที่จีนล็อกดาวน์เมืองสำคัญเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
 

 

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 2.91 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 92.83 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่ธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและจีนยังคงล็อกดาวน์เมืองสำคัญนั้น จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
- รัฐบาลรัสเซียเดินหน้าตอบโต้สหรัฐที่ใช้มาตรการคว่ำบาตรหลังจากรัสเซียส่งกองกำลังทหารบุกโจมตียูเครน โดยล่าสุดรัสเซียสั่งห้ามพลเมืองของสหรัฐจำนวน 25 คนเดินทางเข้ารัสเซียเป็นการถาวร
- รัสเซียจะระงับการจัดส่งก๊าซผ่านท่อนอร์ดสตรีม 1 ให้กับยุโรปไปจนกว่าชาติตะวันตกจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรที่บังคับใช้กับรัสเซียและบริษัทรัสเซีย
- สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.9 ในเดือนส.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 55.5 จากระดับ 56.7 ในเดือนก.ค.

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสอ่อนตัวลงตามทิศทางตลาดภูมิภาค โดยนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการที่จีน ล็อกดาวน์เมืองสำคัญ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงต่อเนื่องกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,625-1,640 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น : BH BDMS D
• โครงการคนละครึ่งเฟส 5 : TNP KK BJC MAKRO CBG OSP TKN ICHI SAPPE
• ผลประกอบการหุ้นกลุ่มโรงแรมเริ่มฟื้นตัว+ขยายวีซ่านักท่องเที่ยว : ERW CENTEL AWC
• วิกฤติพลังงานยุโรป : PRM VL BANPU LANNA PTTEP
• แอปเปิล ประกาศจัดอีเวนต์ 7 ก.ย.เปิดตัว iPhone 14 : CPW SPVI COM7 SYNEX JMART
• นายกฯ ออกเกณฑ์ให้ต่างชาติได้ BOI ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ : WHA AMATA ROJNA

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

                                    SMIT (ราคาเหมาะสม 6.70 บาท) “กำลังซื้อมีสัญญาณฟื้นตัว โดยกำไรสุทธิ 1H22

                                                  เท่ากับ 132.8 ล้านบาท คิดเป็น 50.3% ของประมาณการปี 22”

อ่อนตัวตามภูมิภาค หุ้นรายงานพิเศษ SMIT

•งวด 2Q22 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานเท่ากับ 561.1 ล้านบาท เติบโต +8.2%QoQ และ +12.4%YoY มีสาเหตุจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็กและโรงชุบเหล็ก สามารถชดเชยกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องมือเครื่องจักรที่ชะลอตัวลงได้ ด้านอัตรากำไรขั้นต้นทำได้ที่ระดับ 31.5% ลดลงจาก 32.3% ใน ไตรมาสก่อน และ 35.5% ใน 2Q21 เนื่องจากวัตถุดิบเหล็กล็อตใหม่มีต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ยังทรงตัวในระดับสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยปกติของบริษัทที่ระดับ 30% ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 2Q22 เท่ากับ 70.5 ล้านบาท (+13.2%QoQ ,-8.0%YoY)

•แนวโน้มผลประกอบการช่วง 2H22-23 ได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อในกลุ่มเครื่องมือเครื่องจักรที่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวขึ้น หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ประกอบกับช่วง 2H22 เป็นช่วง High Season ของธุรกิจ นอกจากนั้นยังมีแรงหนุนจากยอดขายอลูมิเนียม ที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการในกลุ่มลูกค้ายานยนต์ไฟฟ้า เราคงประมาณการรายได้ปี 22-23 ที่ระดับ 2,207.0 ล้านบาท และ 2,395.7 ล้านบาท เติบโต +7.8%YoY และ +8.6%YoY พร้อมคงกำไรสุทธิปี 22-23 ที่ระดับ และ 263.9 ล้านบาท และ 286.4 ล้านบาท (-9.2%YoY , +8.6%YoY )

ความเห็น : กำลังซื้อของลูกค้าหลักมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน ช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทให้เติบโตต่อเนื่อง เราประเมินมูลค่าอิงค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 5 ปี ที่ 12.4 เท่า ได้ราคาเหมาะสมเป็นปี 23 เท่ากับ 6.70 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

หุ้นมีข่าว

(+) SABUY ( Bloomberg Consensus 50.00 บาท) รับมีดีลใหญ่ปีนี้อีก 2-3 ดีล มองไกลมากกว่าไทย นำผู้บริหารเครือข่ายพันธมิตรบุกมาเลเซียสัปดาห์นี้ ชี้ผลงานไตรมาส 3-4 มีรอยยิ้ม รับธุรกิจติดลมบน ล่าสุด RP ร่วมเป็นเครือข่ายอีโคซิสเต็ม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) AMATA ( Bloomberg Consensus 24.00 บาท) จับตายอดขาย-ยอดโอนที่ดินพุ่ง สงครามการค้าและความขัดแย้งในประเทศใหญ่ หนุนฐานทุนต่างชาติย้ายเข้าไทย อวดแบ็กล็อกในมือ 5,176 ล้านบาท คาดทยอยโอนในช่วงที่เหลือปีนี้ 60-65% พร้อมรับอานิสงส์จากซัพพลายเออร์ BYD หลังเข้ามาลงทุนในไทย (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ORI (Bloomberg consensus 13.65 บาท) เดินหน้าดันบริษัทลูก "พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น หรือ PRI" เข้าเทรดกระดาน mai ภายในปีนี้ มีแผนระดมทุนขยายเทคโนโลยี Service Tech จับมือพันธมิตรใหม่ต่อยอดการบริการที่หลากหลาย หนุนการเติบโตในอนาคต พร้อมตั้งเป้ารายได้ใน 3-5 ปี แตะ 1,000 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SPVI (Bloomberg consensus 5.15 บาท) เตรียมรับทรัพย์เปิดตัวไอโฟน 14 วันนี้ เชื่อหนุนยอดขายเติบโตดีขึ้น ด้านผู้บริหาร "ไตรสรณ์ วรญาณโกศล" กางแผนเปิดสาขา U-Store นอกมหาวิทยาลัยแห่งแรก ที่สยามสเปซ ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ตั้งเป้ายอดขายปีละ 100 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)