ธปท.ห่วง ‘หนี้เสีย’ ปี69ยืดเยื้อ ‘แบงก์ใหญ่’ เร่งคุมคุณภาพสินเชื่อ

ธปท.ห่วง ‘หนี้เสีย’ ปี69ยืดเยื้อ ‘แบงก์ใหญ่’ เร่งคุมคุณภาพสินเชื่อ

สถานการณ์ “หนี้เสีย” โจทย์ใหญ่ต่อเนื่องปี 69 “ผู้ว่าแบงก์ชาติ” รับห่วงปัญหา หวังดอกเบี้ยลด-เศรษฐกิจดีขึ้น หนุนผู้กู้มีความสามารถชำระหนี้เพิ่ม “ไทยพาณิชย์” ชี้สถานการณ์หนี้ของไทยเป็น “วิกฤติ” พบลูกหนี้ส่วนน้อยเข้าสู่การปรับโครงสร้างหนี้และกลับมาชำระหนี้ต่อได้ “แบงก์กรุงเทพ” ลั่นโจทย์บริหารหนี้ยังเป็นโจทย์หลักของแบงก์ปีหน้า “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” คาดปี 69 สูงต่อเนื่อง สะท้อนความเปราะบางเศรษฐกิจ

KEY

POINTS

  • ธปท.รับกังวลว่าสถานการณ์หนี้เสีย  จะยังคงอยู่ในระดับสูงและยืดเยื้อไปจนถึงปี 2569 เนื่องจากเศรษฐกิจที่เปราะบางและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ที่ยังอ่อนแอ
  • ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่กำลังเร่งควบคุมคุณภาพสินเชื่ออย่างเข้มงวด โดยมุ่งเน้นการบริหารความเสี่ยง
  • ควบคู่ดูแลลูกหนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้หนี้เสียเพิ่มสูงขึ้นกว่าปัจจุบัน
  • ผู้บริหารธนาคารมองว่าสถานการณ์หนี้ของคนไทยเข้าขั้นวิกฤติ โดยมีลูกหนี้ที่ปรับโครงสร้างหนี้สำเร็จน้อยมาก
  • ขณะที่ศูนย์วิจัยคาดว่าสัดส่วน NPL จะยังทรงตัวในระดับสูง โดยเฉพาะกลุ่ม SME และลูกหนี้รายย่อย

สถานการณ์หนี้เสียของระบบธนาคารไทยยังคงเป็น “โจทย์ใหญ่” ที่น่ากังวลต่อเนื่อง เข้าสู่ปี 2569 แม้ทิศทางดอกเบี้ยจะอยู่ในช่วงขาลงและช่วยบรรเทาภาระลูกหนี้ได้บางส่วน แต่ความเปราะบางของเศรษฐกิจ รายได้ และความสามารถในการชำระหนี้ของทั้งลูกหนี้ธุรกิจ และรายย่อย ยังส่งแรงกดดันต่อคุณภาพสินเชื่ออย่างมีนัยสำคัญ

สะท้อนจากมุมมองของทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ และสถาบันวิจัยต่าง ๆ ที่ประเมินตรงกันว่า สถานการณ์หนี้เสียปี 2569 ยังอยู่ระดับ “น่าห่วง” และอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ต้องบริหารจัดการอย่างระมัดระวัง ควบคู่กับการประคองเศรษฐกิจและการช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า “หนี้เสีย” ถือยังเป็นโจทย์ใหญ่ของระบบธนาคาร และระบบเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องในปี 2569 ซึ่งถือว่าสถานการณ์หนี้เสียยังคงน่าห่วงต่อเนื่อง

แต่อย่างไรก็ตามหวังว่า เมื่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยปรับตัวลดลง สถานการณ์หนี้น่าจะลดลง เช่นเดียวกับการปรับลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ต่อเนื่อง เมื่อลดดอกเบี้ยลงแล้วส่วนหนึ่งจะช่วยให้ภาระหนี้ของลูกหนี้ปรับลดลง ดังนั้น หวังว่าจะมีส่วนช่วยให้สถานการณ์หนี้ของลูกหนี้ดีขึ้นได้ในบ้าง

  • สถานการณ์หนี้คนไทยเข้าสู่ “วิกฤติ”

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่าหากดูสถานการณ์หนี้ของคนไทยในปัจจุบันถือว่าน่าเป็นห่วงต่อเนื่อง โดยหากดูหนี้ของคนไทยนับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมาพบว่ามีเพียง 23% ที่เข้าสู่การปรับโครงสร้างหนี้ หรือ 23 คนใน 100 คน

และในกลุ่มนี้มีคนที่ผ่อนต่อและจ่ายต่อเนื่องมีไม่ถึง 3% และพบว่ามีคนที่รอดและปิดหนี้ หรือจบหนี้ได้ไม่ถึง 1% เท่านั้น เหล่านี้สะท้อนว่าสถานการณ์หนี้ของประเทศไทยวันนี้ “วิกฤติแล้ว”

หากมองในมุมของธนาคารไทยพาณิชย์ ในเรื่องหนี้เสียธนาคารมีการระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง และมีการประเมินความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่อเนื่องไปถึงปีหน้า

ดังนั้นสำหรับธนาคารไทยพาณิชย์ในปีหน้า โจทย์สำคัญไม่ใช่การเลือกว่าจะโตหรือคุมความเสี่ยงแต่ต้องทำทั้ง 2 อย่างพร้อมกัน

ในด้านหนึ่ง ธนาคารยังต้องเดินหน้าขยายสินเชื่อและสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ แต่อีกด้านหนึ่งก็ต้องดูแลไม่ให้คุณภาพของสินเชื่อเดิมแย่ลง หรือทำให้หนี้เสียเพิ่มขึ้นจนกระทบเสถียรภาพของธนาคาร

เหล่านี้เป็นโจทย์ที่ไม่ง่ายแต่ธนาคารพยายามจัดระเบียบโครงสร้างภายในให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการบริหารจัดการสินทรัพย์และการเชื่อมโยงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลหนี้ เพื่อให้สามารถรับมือกับความเสี่ยงได้ดีขึ้น

โดยสถานการณ์หนี้เสียปีหน้า ธนาคารเน้นบริหารจัดการไม่ให้หนี้เสียไม่สูงไปกว่าปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกรอบการบริหารความเสี่ยงของแบงก์ในปีหน้า

  • เน้นคุมความเสี่ยงคุณภาพหนี้ต่อเนื่องปี 69

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวว่า ในสภาพเศรษฐกิจที่การเติบโตอยู่ในระดับต่ำ ภาคธนาคารหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพหนี้และความเสี่ยงด้านสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปีถัดไปที่หลายธนาคารมองว่าต้องหันกลับมาดูเรื่องการควบคุมความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด

โดยการดูแลหนี้เสีย ถือเป็นโจทย์หนึ่งที่สำคัญของธนาคารที่ต้องบริหารจัดการต่อเนื่อง ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่การเติบโตไม่ได้สูง การเร่งขยายตัวมากเกินไปอาจกลายเป็นความเสี่ยง ธนาคารจึงต้องเลือกแนวทางการเติบโตอย่างระมัดระวัง ควบคู่กับการดูแลคุณภาพสินทรัพย์

สถานการณ์ยังอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ และไม่ได้อยู่ในภาวะที่น่ากังวลเมื่อเทียบกับหลายธนาคารอื่น โดยธนาคารไม่ได้เผชิญกับปัญหาหนี้เสียในระดับสูงจนควบคุมไม่ได้

สิ่งที่ธนาคารดำเนินการต่อเนื่อง เกี่ยวกับการบริหารหนี้เสียคือการคัดกรองลูกค้าอย่างรอบคอบตั้งแต่ต้นทาง รวมถึงการติดตามและดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ไม่ปล่อยให้หนี้ไหลไปสู่ปัญหาที่รุนแรง

ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือลูกค้าเป็นหลัก เพื่อให้ลูกค้าสามารถแก้ไขปัญหาทางการเงิน เดินหน้าธุรกิจต่อไปได้ และยังสามารถประกอบกิจการ สร้างรายได้ และดำรงสภาพคล่องได้อย่างเหมาะสม ซึ่งแนวทางนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลคุณภาพหนี้ในระยะยาว

  • หนี้เสียปี 69 ยังสูงต่อเนื่องสะท้อนความเปราะบาง

นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่าสถานการณ์หนี้เสีย (NPL) ของระบบแบงก์ไทย ยังอยู่ในระดับสูง ท่ามกลางเศรษฐกิจที่เปราะบาง

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าแม้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์จะช่วยบรรเทาภาระต้นทุนทางการเงินของลูกหนี้ธุรกิจและรายย่อย แต่สถานการณ์หนี้เสียของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในปี 2569 ยังมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูง สะท้อนถึงความเปราะบางของฐานะการเงินลูกหนี้ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้จำกัด

โดยคาดว่า สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ปี 2569 จะอยู่ในกรอบประมาณ 2.80-2.97% ของสินเชื่อรวม ซึ่งเป็นระดับที่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในกลุ่มลูกหนี้ SME และลูกหนี้รายย่อย ที่ยังเผชิญแรงกดดันจากรายได้ที่ไม่มั่นคงและกำลังซื้อที่อ่อนแอ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเศรษฐกิจในปี 2569 ยังคงมีความเปราะบาง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อ คุณภาพหนี้และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้หลายกลุ่ม แม้ดอกเบี้ยจะอยู่ในทิศทางขาลง แต่ปัจจัยพื้นฐานด้านรายได้และกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวอย่างทั่วถึง ทำให้ความเสี่ยงด้านเครดิตยังคงอยู่ในระดับสูง