“โกลเบล็ก” ให้หุ้นไทยส่งท้ายปี 68 แค่ 1,250-1,280 จุด กังวลเศรษฐกิจ-ชะลอลงทุนพร้อมแนะหุ้นรับบาทแข็ง

บล. โกลเบล็ก ประเมินดัชนีโค้งสุดท้ายปี 68 เคลื่อนไหวในกรอบ 1,250-1,280 จุด การซื้อขายเบาบาง ขาดปัจจัยใหม่หนุน จากเศรษฐกิจไม่เอื้อ ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยและต่างประเทศ แนะกลยุทธ์ลงทุนรับอานิสงส์เงินบาทแข็งค่า ADVICE, COM7, SYNEX, SIS, GULF, BGRIM และ GPSC
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 ยังคงเคลื่อนไหวอย่างจำกัด โดยคาดว่า ดัชนี SET แกว่งตัวผันผวนในลักษณะไซด์เวย์ในกรอบ 1,250–1,280 จุด ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยใหม่หนุน ประกอบกับนักลงทุนจำนวนมากเข้าสู่ช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่
สำหรับปัจจัยบวก มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้รายงานผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ว่า จะมีเงินสะพัด 111,609.37 ล้านบาท หรือ ขยายตัว 2.1% นับเป็นมูลค่าการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสูงสุดในรอบ 6 ปีนับตั้งแต่ปี 2564
ด้านกระทรวงการคลังเปิดตัวเลขการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2569 ตั้งแต่เดือน ต.ค. - พ.ย. 2568 มีรายได้รวม 492,177 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 12,288 ล้านบาท หรือ 2.6% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.4%
อีกทั้งเศรษฐกิจสหรัฐยังเติบโตเหนือความคาดหมายสะท้อนความแข็งแกร่งของการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ โดยตัวเลข GDP ในไตรมาส 3/2568 มีการขยายตัวถึง 4.3% ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่โดดเด่นและสูงกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจ สหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ในช่วงเวลาเดียวกัน
ส่วนปัจจัยลบที่อาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนและเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะปัญหาทางการเมืองในประเทศของสหรัฐ ได้แก่ การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันระหว่างส่งคำอวยพรคริสต์มาสแก่เหล่าทัพว่า สหรัฐเตรียมเปิดฉากโจมตีภาคพื้นดินเพื่อถล่มเป้าหมายขบวนการค้ายาเสพติดในลาตินอเมริกา ประกอบกับตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 214,000 ราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 232,000 ราย สะท้อนตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกันด้านคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ เข้าควบคุมการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลพื้นสู่อากาศ ณ ฐานยิงชายฝั่งตะวันออก พร้อมตรวจงานก่อสร้างเรือดำน้ำนิวเคลียร์ขนาด 8,700 ตัน ที่สามารถติดตั้งขีปนาวุธได้
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังประสบปัญหาหนี้เสีย (NPL) ที่อยู่ในระดับสูงมานานต่อเนื่อง โดยทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าจากข้อมูลเครดิตบูโร มีหนี้ค้างชำระเกินกว่า 90 วันของบัญชีสินเชื่อธุรกิจ NPL ขยับขึ้นจาก 3.72% ในไตรมาส 1 ปี 2568 เป็น 3.94% ในไตรมาส 2 ปี 2568 ซึ่งยังถือว่าเป็นระดับที่แย่กว่าจุดที่ดีที่สุดในรอบ 1 ปีหลังโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงต้องเฝ้าระวังปัจจัยในประเทศที่อาจจะส่งผลต่อการลงทุนได้ เช่น การรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค และดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รวมถึงการแถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)
วันที่ 29 ธ.ค. กระทรวงการคลัง รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง
วันที่ 30 ธ.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย ส่วนปัจจัยต่างประเทศ
วันที่ 29 ธ.ค. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงาน Summary of Opinions สหรัฐ รายงานยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนพ.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
วันที่ 30 ธ.ค. สหรัฐ รายงานราคาบ้านเดือน ต.ค.
เช้าวันที่ 31 ธ.ค. คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 9-10 ธ.ค.
วันที่ 31 ธ.ค. จีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการเดือน ธ.ค. สหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
ทั้งนี้ นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่าส่งท้ายปี 2568 โดยหุ้นที่ถูกจับตามอง ได้แก่ ADVICE, COM7, SYNEX, SIS, GULF, BGRIM และ GPSC







