Netflix ขอคืนชีพตำนาน FIFA ‘เกมเปลี่ยนเกม’ ของยักษ์ใหญ่สตรีมมิง

Netflix ขอคืนชีพตำนาน FIFA ‘เกมเปลี่ยนเกม’ ของยักษ์ใหญ่สตรีมมิง

ถึงจะไม่เคยออกตัวว่าต้องการจะรุกวงการกีฬาอย่างหนัก แต่สิ่งที่ Netflix ยักษ์ใหญ่แพลตฟอร์มสตรีมมิงทำดูเหมือนจะตรงข้ามตลอดเวลา

KEY

POINTS

Key points

  • FIFA จะเป็นเกมที่เปิดให้เฉพาะสมาชิก Netflix เล่นได้ฟรี ทั้งบนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android หรือบนโทรทัศน์ (เฉพาะรุ่นที่รองรับ) โดยใช้สมาร์ทโฟนทำหน้าที่แทนคอนโทรลเลอร์
  • ฝ่ายของผู้พัฒนาเกม นอกจากจะการันตีรายได้จากการเป็นเกม Exclusive ที่ทำให้ไม่ต้องลุ้นยอดจำหน่ายแล้ว ยังเจาะถึงฐานผู้ใช้งานของ Netflix ที่มีมากมหาศาลถึง 310 ล้านคนที่เป็นผู้ใช้งานแบบจ่ายค่าสมาชิก (Paid member) 
  • ทาร์เก็ตสูงสุดของ Netflix ที่ตกเป็นข่าวคือลิขสิทธิ์ฟุตบอลระดับเทียร์บนของโลกอย่าง ยูเอฟา แชมเปียนส์ ลีก (UCL) และพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งมีข่าวว่าพร้อมที่จะเข้าประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดอย่างจริงจังในอนาคต
  • ที่น่าสนใจคือแม้ทั้ง Mono Max และ AIS Sports จะมีภาพของความเป็นพันธมิตรกัน แต่ในช่วงหลายเดือนหลังค่ายสีเขียวมาแรงอย่างน่ากลัว ด้วยการกวาดลิขสิทธิ์กีฬาระดับท็อปไม่หยุด

โดยเฉพาะ “มูฟ” ล่าสุดที่ทำเอาทั้งวงการกีฬาและวงการเกมต้องจับตามองคือการซื้อลิขสิทธิ์เกมฟุตบอลระดับตำนาน FIFA ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหลังจากที่แยกทางกับค่ายผู้พัฒนาเกมจนโด่งดังมายาวนานอย่าง EA Sports 

การคืนชีพให้เกม FIFA ครั้งนี้ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์อย่างมากเพราะไม่มีสัญญาณใดๆออกมาก่อน แต่ในอีกด้านก็เป็นการตอกย้ำถึงกลยุทธ์ของ Netflix ที่เริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆในโลกของกีฬา

ในฐานะผู้เล่นเกมที่กำลังจะมาเปลี่ยนเกมของโลกกีฬาทั้งใบ
และการเปลี่ยนแปลงอาจจะมาถึงเร็วกว่าที่เราคิด

เกมเปลี่ยนเกม

“Changing The Game” คือคำโปรยบนเว็บไซต์ fifa.com เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ที่กล่าวถึงการกลับมาของ FIFA เกมฟุตบอลระดับตำนานที่หายหน้าหายตาไปหลายปี

เพียงแต่การกลับมาครั้งนี้แตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะไม่ได้กลับมารูปแบบของเกมคอนโซล แต่เป็นการกลับมาในรูปแบบของเกมออนไลน์แบบพิเศษ เพราะจะเป็นเกมแบบ Exclusive ให้กับ Netflix แพลตฟอร์มสตรีมมิงแทน

ในความหมายที่เข้าใจง่ายที่สุดคือ FIFA จะเป็นเกมที่เปิดให้เฉพาะสมาชิก Netflix เล่นได้ฟรี ทั้งบนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android หรือบนโทรทัศน์ (เฉพาะรุ่นที่รองรับ) โดยใช้สมาร์ทโฟนทำหน้าที่แทนคอนโทรลเลอร์

เรื่องนี้ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่สร้างความประหลาดใจอย่างมากให้แก่ทั้งวงการเกมและวงการกีฬา เพราะไม่มีวี่แววมาก่อนว่า FIFA จะกลับมาในรูปแบบนี้

ก่อนหน้านี้ FIFA เป็นตระกูลเกมฟุตบอลที่มีอายุยาวนาน โดยนับจากเปิดตัวครั้งแรกในปี 1993 ก็สร้างต่อเนื่องกันมาถึง 30 ภาคเลยทีเดียว เป็นแฟรนไชส์เกมที่อายุยืนที่สุด โดยมีฐานจำนวนผู้เล่นมากถึง 150 ล้านคน

แต่ในปี 2022 เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อ EA Sports ผู้พัฒนาเกมจนมีชื่อเสียงตัดสินใจแยกทางไม่ใช้ชื่อ FIFA อีกต่อไป โดยเปลี่ยนชื่อเป็นตระกูล ‘FC’ แทน ทำให้เกมตระกูล FIFA หายหน้าไปจากวงการ โดยที่ยังเหลือคือเกมตระกูล eFootball ของค่าย Konami และ UFL ซึ่งมี คริสเตียโน โรนัลโด เป็นผู้ร่วมวงลงทุน

จนกระทั่ง Netflix จับมือกับ FIFA เพื่อฟื้นคืนชีพเกมตระกูลนี้ขึ้นมา โดยมอบหมายให้ Delphi Interactive สตูดิโอพัฒนาเกมในแอลเอ ซึ่งกำลังสร้างผลงานเกมจากหนังเรื่องเจมส์ บอนด์ “007: First Light” รับหน้าที่ในการเนรมิตเกมขึ้นมา 

สำหรับกำหนดการออกอยู่ในช่วงก่อนฟุตบอลโลก 2026

โดยที่แฟนๆต่างรอจับตาดูว่า FIFA กลับมาครั้งนี้ ซึ่งมีการบอกว่าจะเป็น “Simulation game” จะเป็นแบบไหน

เจาะใจคนกีฬาด้วยเกม

อย่างไรก็ดี FIFA ไม่ได้เป็นเกมฟุตบอลเกมใหญ่เกมแรกบนแพลตฟอร์มของ Netflix

ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ซื้อเกมตระกูล Football Manager อีกหนึ่งสุดยอดเกมฟุตบอลที่จำลองเป็นผู้จัดการทีมจากค่าย Sports Interactive ให้เป็นเกมออนไลน์แบบ Exclusive สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกของ Netflix มาก่อน โดยเริ่มตั้งแต่ภาค FM24 ที่เปิดตัวในช่วงปลายปี 2023

ถึงแม้ว่าจะดูยากที่จะเข้าใจในช่วงแรกว่าเกมจะไปเล่นบนสตรีมมิงหนังได้อย่างไร? แต่ในความเป็นจริงแล้ววิธีการนั้นง่ายเพราะแอปลิเคชันเกมนั้นเป็นอิสระ สิ่งที่เชื่อมโยงกันคือการเข้าระบบ (Log in) ด้วยบัญชีผู้ใช้ Netflix เท่านั้น

การทำเช่นนี้ถือว่า “วิน-วิน” กันทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายของผู้พัฒนาเกม นอกจากจะการันตีรายได้จากการเป็นเกม Exclusive ที่ทำให้ไม่ต้องลุ้นยอดจำหน่ายแล้ว ยังเจาะถึงฐานผู้ใช้งานของ Netflix ที่มีมากมหาศาลถึง 310 ล้านคนที่เป็นผู้ใช้งานแบบจ่ายค่าสมาชิก (Paid member) 

ขณะที่ฝ่ายของ Netflix เองการได้เกมระดับ “แม่เหล็ก” มาอยู่บนแพลตฟอร์มของตัวเอง ทำให้การจ่ายเงินเพื่อเป็นสมาชิกของ Netflix ยิ่งคุ้มค่ามากขึ้น ไม่ได้จำกัดแค่คนรักหนังอย่างเดียว แต่รวมถึงคนที่รักเกม 

ที่สำคัญคือคนรักกีฬากับคนรักเกมและคนรักหนัง สามารถเป็นคนคนเดียวกันได้ด้วย นี่ถือเป็นมูฟที่ยอดเยี่ยม ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวของ Netflix

บ้านของคนรักกีฬา

อย่างไรก็ดี Netflix มองไกลกว่านั้น การได้เกม FIFA มาผนึกกำลังกับเกม FM (ปัจจุบันคือภาค FM26) ยังเป็นการทำความรู้จักกับแฟนฟุตบอลได้อย่างดี

โดยที่เป้าหมายใหญ่มีการประเมินว่าสตรีมมิงเขย่าโลกเจ้านี้มองไปที่การกระโจนเข้าสู่วงการ Live sports หรือ การถ่ายทอดสดกีฬา แบบเต็มตัว

ก่อนหน้านี้ Netflix ก้าวเดินอย่างช้าๆแต่ฮือฮาเสมอ ไม่ว่าจะเป็น การซื้อลิขสิทธิ์อเมริกันฟุตบอล NFL ในเกมที่เรียกว่า ‘Chirstmas Day’ หรือ เกมวันคริสต์มาส ซึ่งเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่มีจำนวนผู้ชมสูงที่สุดเพราะเป็นช่วงเวลาครอบครัวของชาวสหรัฐอเมริกา

ต่อด้วย การซื้อลิขสิทธิ์มวยปล้ำ WWE เป็นระยะเวลาถึง 10 ปี และการถ่ายทอดสดกีฬาอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งรวมถึงรายการมวยที่แม้จะไม่ได้เป็นมวยจริงจังเพราะเป็นมวยโชว์ เช่น การขึ้นชกของ เจค พอล YouTuber ชื่อดังระดับโลกที่มีแฟนมากมายมหาศาลกับ ไมค์ ไทสัน ตำนานมฤตยูดำผู้ยิ่งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว และล่าสุดกลับมาขึ้นชกกับ แอนโธนี โจชัว อดีตแชมป์โลกมหาชนชาวอังกฤษ

แม้การถ่ายทอดสดบนแพลตฟอร์มสตรีมมิงจะมีปัญหากวนใจบ้าง แต่การจัดการทุกอย่างดีขึ้นตามลำดับ และเริ่มคุ้นเคยกับการถ่ายทอดสดกีฬามากขึ้น

ทาร์เก็ตสูงสุดของ Netflix ที่ตกเป็นข่าวคือลิขสิทธิ์ฟุตบอลระดับเทียร์บนของโลกอย่าง ยูเอฟา แชมเปียนส์ ลีก (UCL) และ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งมีข่าวว่าพร้อมที่จะเข้าประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดอย่างจริงจังในอนาคต

หลายฝ่ายจึงมองว่ามีความเป็นไปได้ที่เราอาจจะได้เห็นรายการกีฬาอื่นๆ เช่น เทนนิสแกรนด์สแลม, กอล์ฟเมเจอร์ ไปจนถึงบาสเก็ตบอล NBA มารวมอยู่ที่เดียวกันในอนาคต

แต่ไม่ได้หมายความว่าจะหน้ามืดทุ่มเงินซื้อมาหมดทุกอย่าง ในทางตรงกันข้าม สิ่งที่ Netflix ทำได้ดีที่สุดคือการเฟ้นหา (Curate) คอนเทนต์ที่ดีที่สุดจากทุกกีฬา หาเรื่องราวที่ลึกซึ้งที่สุด คมคายที่สุด ให้บทเรียนที่ดีที่สุดออกมา 

กีฬาบน Netflix จึงไปได้ไกลกว่าเสมอ เพราะ Netflix ไม่ได้มองกีฬาในแบบแค่กีฬาอย่างเดียว แต่มองในฐานะ Storytelling หรือการเล่าเรื่องที่ดีที่สุดด้วย

สงครามสตรีมมิงเดือดถึงไทย

ความเคลื่อนไหวและ กลยุทธ์ของ Netflix ยังเป็นกระจกสะท้อนที่น่าสนใจสำหรับวงการสตรีมมิงกีฬาในไทย

โดยเฉพาะในยุคใหม่ที่มีผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง Mono Max และผู้เล่นเดิมที่เพิ่มเติมพละกำลังและประสบการณ์อย่าง AIS Sports เข้ามาสร้างความตื่นตัวในการแข่งขันกับเจ้าตลาดเดิมอย่าง Truevisions ที่เจอเกมเพรสซิงสูงจนขยับตัวลำบาก

จุดที่น่าสนใจคือแม้ทั้ง Mono Max และ AIS Sports จะมีภาพของความเป็นพันธมิตรกัน แต่ในช่วงหลายเดือนหลังค่ายสีเขียวมาแรงอย่างน่ากลัว ด้วยการกวาดลิขสิทธิ์กีฬาระดับท็อปไม่หยุด

โดยนอกจากจะ “แชร์” ลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกกับ Mono Max แล้วยังได้ลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทยครบทุกรายการ ก่อนจะเริ่มกวาดลิขสิทธิ์กีฬาระดับโลกอย่างเช่น NFL, NBA จนถึงรายการล่าสุดคือกอล์ฟ LPGA ที่ประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่แฟนกีฬาชาวไทย เพราะมีนักกอล์ฟเบอร์หนึ่งของโลกอย่าง “จีโน่” อาฒยา ฐิติกุล และเหล่าโปรสาวชาวไทยอีกมากมาย

ในวงเล็บคือรายการกีฬาบางอย่างต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม และบวกไปบวกมาอาจจะเริ่มรู้สึกแพง ซึ่งจะดันให้สมัครแพ็คเกจใหญ่เพื่อให้รับชมได้ทุกอย่าง

อย่างไรก็ตามการรุกหนักของ AIS Sports - ซึ่งยังเดินหน้าผลิตคอนเทนต์เสริมบนโซเชียลมีเดีย เพื่อต่อยอดอย่างจริงจัง - เป็นสัญญาณที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

คำถามสำคัญคือ “กระสุน” ของ AIS Sports มีมากแค่ไหน ที่ยิงออกไปนั้นหมดหรือยัง? เพราะเจ้าตลาดเดิมอย่างทรู เหมือนจะอยู่ในโหมดตั้งรับรอโอกาสในการโต้กลับอยู่ ขณะที่ Mono Max ยังอาศัยอาวุธหนักอย่างพรีเมียร์ลีกเป็นหลักอย่างเดียว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เดินหน้าต่อ

ปีหน้าฟ้าใหม่ พ.ศ. 2569 เชื่อว่าสงครามนี้จะดำเนินต่อไป และอาจจะหนักข้อยิ่งขึ้น

โดยที่ไม่แน่ใจว่าผลดีที่สุดจะตกอยู่กับผู้บริโภคที่มีตัวเลือกมากขึ้นหรือไม่ เพราะจ่ายไปจ่ายมารวมๆแล้วชักเยอะเหมือนกัน