‘บาทแข็งค่า’ ทุบสถิติเฉียด5ปี แรงซื้อ ‘ทองคำ’ ดันราคาพุ่ง ดอลลาร์ 'อ่อน’ หนุนเงินทุนไหลเข้า

“บาทแข็งค่า” ทำสถิติใหม่แตะ 31.02 บาทต่อดอลลาร์ แข็งสุดรอบ 4 ปี 9 เดือน หลังทองโลกทุบสถิติใหม่ หนุนแรงซื้อทองทะลัก “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ชี้ดอลลาร์อ่อน-เงินทุนไหลเข้า หนุนบาทแข็งหนัก รับมือความผันผวนสิ้นปี “กรุงไทย” ชี้แรงหนุน โฟลว์ขายดอลลาร์-ทองพุ่ง-ไฮซีซันท่องเที่ยว “กรุงศรี“ จับตาทองทุบบาทชั่วคราว นักลงทุนหวั่นดอลลาร์ จ่อทำผลงานแย่สุดรอบ 22 ปี
KEY
POINTS
- เงินบาทแข็งค่าทุบสถิติใหม่ในรอบ 4 ปี 9 เดือน โดยแข็งค่าสุดที่ระดับ 31.02 บาทต่อดอลลาร์
- ปัจจัยหลักมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ
- มีแนวโน้มทำผลงานรายปีแย่ที่สุดในรอบ 22 ปี จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ย
- ราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นทำสถิติใหม่เป็นอีกหนึ่งแรงหนุนสำคัญที่ทำให้เกิดแรงซื้อและส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ระหว่างวันจนถึงระดับปิดตลาด เงินบาททยอยแข็งค่าต่อเนื่อง โดยแข็งค่าสุดระดับ 31.02 บาทต่อดอลลาร์ เป็นสถิติใหม่ในรอบ 4 ปี 9 เดือน
ดร.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากปัจจัยที่ลากยาวมาตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.ซึ่งปัจจัยหลักที่กระทบมี 3 เรื่อง คือ
- 1.ราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นจนทำสถิติสูงสุดใหม่ (New Record High)
- 2.นโยบายดอกเบี้ยของเฟด (Fed) โดยตลาดมีความเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐมีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้ง ซึ่งส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง
- 3.การปรับสถานะถือครองเงินตรา (Unwind Position) หลังจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นเร็วช่วงที่ผ่านมา ทำให้เทขายดอลลาร์เพิ่มตามปัจจัยทางเทคนิค เนื่องจากค่าเงินบาทหลุดแนวรับสำคัญหลายระดับ เช่น 31.50, 31.40 และ 31.30 บาทต่อดอลลาร์
- บาทแข็งค่าที่สุดรอบ 4 ปี 9 เดือน
นอกจากนี้ มีปัจจัยหนุนเสริมจากปัจจัยฤดูกาลช่วงไตรมาส 4 ที่มีกระแสเงินทุนไหลเข้าและเกินดุลบัญชีเดินสะพัดร่วมด้วย ประกอบกับปลายปีปริมาณธุรกรรมในตลาดมีไม่มาก เมื่อมีปัจจัยที่หนุนให้บาทแข็งค่าเพียงเล็กน้อยส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้มากกว่าปกติ
หากย้อนดูสถิติค่าเงินบาท พบแข็งค่าสูงสุดระดับ 31.02 บาทต่อดอลลาร์ ถือเป็นระดับแข็งค่าสุดรอบ 4 ปี 9 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือน มี.ค.2564
โดยหากปัจจัยนี้ยังดำเนินต่อระยะใกล้มีโอกาสสูงหลุด 31.00 บาทต่อดอลลาร์ โดยวางเป้าหมายแนวรับถัดไป หากหลุด 31.00 บาทต่อดอลลาร์ จะไปทดสอบระดับ 30.90 บาทต่อดอลลาร์ และหากหลุดอีกแนวถัดไปจะอยู่ที่ 30.60 บาทต่อดอลลาร์
“แนวโน้มการแข็งค่านี้จะยังอยู่อีกพักใหญ่ อาจจะเห็นการเคลื่อนไหวลักษณะย่ำฐานที่ระดับช่วงปี 2564 จนกว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณเปลี่ยนเทรนด์ช่วงต้นเดือน ม.ค.”
ทั้งนี้ แม้แนวโน้มหลักภาพเงินบาทจะแข็งค่า แต่อาจเกิดจังหวะทำ Square Position หรือการเปลี่ยนฐานะการเข้าลงทุนช่วงใกล้สิ้นปี เพราะการที่บาทแข็งค่าเร็วและรุนแรง อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดไม่ต้องการถือข้ามปี และเลือกที่จะปิดสถานะคืน (Square) บางส่วน
ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินบาทพลิกอ่อนค่าลงเร็วและรุนแรงได้ ดังนั้นต้องระวังความผันผวนและจับตาดูจังหวะการแทรกแซงของธนาคารกลาง
“เงินบาทตอนนี้เสมือนการกดสปริงลงเร็วและรุนแรง แม้แรงกดปัจจัยจากทองคำและเฟดยังมีมากจนทำให้สปริงหดตัวลงลึกกว่าเดิม มาแข็งค่าหลุด 31 บาทต่อดอลลาร์ แต่ความกดดันที่สะสมไว้มากประกอบกับสภาพตลาดที่เบาบางช่วงปลายปี อาจเกิดแรงดีดกลับ Square Position ที่รุนแรงจนสปริงเด้งกลับไปทิศทางตรงกันข้ามได้ทุกเมื่อ”
- คาด “เงินบาท” มีโอกาสหลุด 31 บาท
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ก่อนสิ้นปีเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าหลุด 31 บาทต่อดอลลาร์ ไม่ยาก เป็นการแข็งค่าสุดรอบ 4 ปี 9 เดือน จากปัจจัยหนุนด้วยสภาพตลาดปลายปี แม้ยังคงปริมาณการทำธุรกรรมเบาบางลงมาก แต่ถ้าหากมีโฟลว์ขายเงินดอลลาร์หรือสกุลเงินต่างประเทศ เข้ามาคราวเดียวจำนวนมาก หรือราคาทองยังขึ้นต่อเนื่องอีก
ทั้งนี้ เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องสวนทางปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ จากปัจจัยภายนอกทั้งดอลลาร์อ่อนค่า และความสัมพันธ์กับราคาทองคำ ซึ่งปีนี้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง
ส่วนช่วงปลายปี เงินบาทได้รับอานิสงส์จากช่วงไฮซีซั่นการท่องเที่ยว
สำหรับเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากกว่าประเมินไว้มาก (เดิมมอง สิ้นปี 2568 แถว 31.85+/-0.25 บาทต่อดอลลาร์) ซึ่งโมเมนตัมการแข็งค่ายังมี อีกทั้งเงินบาทอาจรับอานิสงส์ต่อเนื่องช่วงไตรมาส 1 ปี 2569 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่นท่องเที่ยว และอาจมีแรงซื้อสินทรัพย์ไทยกลับมาบ้าง ในช่วงก่อนการเลือกตั้งเดือน ก.พ.2569 ซึ่งจากสถิติเงินบาทมีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้นต่อ หลังจบเลือกตั้งไป 1 เดือน
- ปัจจัยหนุนบาทแข็งขึ้นอยู่ที่ราคาทอง
นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจัยเคลื่อนไหวค่าเงินบาทช่วงสิ้นปีนี้ จะยังคงขึ้นอยู่กับราคาทองคำตลาดโลก
ขณะที่ธุรกรรมส่วนอื่นๆ เบาบางลงในช่วงสิ้นปีนี้ ดังนั้นหากทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ค่าเงินบาทมีโอกาสหลุด 31 ต่อดอลลาร์ ท่ามกลางสภาพคล่องการซื้อขายต่ำ
“อย่างไรก็ตาม หากค่าเงินบาทเคลื่อนไหวหลุดกรอบ 31 ต่อดอลลาร์ น่าจะเป็นการหลุดกรอบชั่วคราว ซึ่งต้องติดตามการเคลื่อนไหวต่อเนื่องหลังเปิดปีใหม่”
ส่วนปีหน้าคาดว่าค่าเงินบาท อยู่ในกรอบ 30.80-33 บาทดอลลาร์ สำหรับปัจจัยบวกต่อค่าเงินบาท ได้แก่ การลดดอกเบี้ยของเฟด การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย ขณะที่สหรัฐไม่ต้องการให้สกุลเงินคู่ค้าอ่อนค่า
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยลบที่อาจมีผลต่อค่าเงินบาท ได้แก่ สถานการณ์เศรษฐกิจไทยมีอัตราเติบโตต่ำ ทองคำอาจพักฐานหากข้อมูลแรงงานสหรัฐดีกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้
- ทองพุ่งต่อเนื่อง ลุ้นทะลุ 70,000 บาท
ขณะที่ราคาทองวันที่ 24 ธ.ค.2568 ปรับขึ้นต่อเนื่อง เปิดตลาดขึ้นแรง 300 บาท แต่ระหว่างวันผันผวนหนัก ปรับขึ้นลง 20 ครั้ง ณ 15.51 น.ปรับลง 50 บาท ราคาทองแท่ง 65,900 บาท ราคาทองรูปพรรณ 66,700 บาท จากวันที่ 23 ธ.ค.ราคาทองแท่ง 65,950 บาท ราคาทองรูปพรรณ 66,750 บาท
นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการฝ่ายบริหารกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ หรือ “แม่ทองสุก เปิดเผย “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า แนวโน้มราคาทองคำมีโอกาสทะลุ 70,000 บาท ในปี2569 โดยเฉพาะถ้า Spot ทองคำโลกทำ New High และเงินบาทแข็งค่าขึ้น
ปัจจัยหนุนราคา มาจากหนี้สินสหรัฐเพิ่มขึ้นมหาศาล อัตราดอกเบี้ยขาลง และความไม่เชื่อมั่นเงินดอลลาร์ทำให้ดอลลาร์ตกต่ำลง รวมถึงธนาคารกลางหลายประเทศ รวมถึงยุโรป หันมาซื้อทองคำต่อเนื่อง และสงครามการค้าในสหรัฐยังไม่สิ้นสุด
รวมถึงปัจจัยเงินบาทแข็งค่าขึ้น แต่ปกติแล้วบาทแข็งอาจทำให้ราคาทองในประเทศไม่สูงเท่าที่ควร
- ‘ดอลลาร์’ ปีนี้จ่อทำผลงานแย่สุดรอบ 22 ปี
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์กำลังทำผลงานรายปีที่ “แย่ที่สุดรอบ 22 ปี” หลังนักลงทุนเดิมพันว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐและโลกจะยิ่งห่างขึ้นในปีหน้า โดยคาดว่า FED จะลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มปีหน้า สวนทางธนาคารกลางบางแห่งทั่วโลกที่มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย
ค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่าในการซื้อขายวันที่ 24 ธ.ค.ที่ตลาดเอเชีย โดยจีดีพีสหรัฐไตรมาส 3 แข็งแกร่งเกินคาด ยังไม่เปลี่ยนมุมมองต่อนโยบายดอกเบี้ยขาลงได้ นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกราว 2 ครั้งในปี 2026
ทิศทางดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 2 เดือนครึ่ง อยู่ที่ 97.767 เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน และกำลังมุ่งหน้าสู่การปิดสิ้นปี 2025 ด้วยการอ่อนค่าลงถึงราว 9.9% ตลอดปีนี้ ซึ่งจะลดลงรายปีรุนแรงสุดนับตั้งแต่ปี 2003
“คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) จะประนีประนอมกันลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายปีหน้าลงอีก 25 จุดพื้นฐาน เหลือ 3.00-3.25% แต่มองว่าความเสี่ยงมีแนวโน้มลดลง” เดวิด เมอริเคิล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐของโกลด์แมน แซคส์ กล่าว
ตลอดปี 2025 ค่าเงินดอลลาร์เผชิญความผันผวนหนักจากนโยบายภาษีไร้ทิศทางของประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งจุดชนวน “วิกฤติความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์สหรัฐ” ช่วงต้นปี และอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของทรัมป์ต่อเฟดสร้างความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของเฟด
- ‘ยูโร’ สวนทางจ่อแข็งสุดรอบ 22 ปี
ในทางตรงข้าม “ค่าเงินยูโร” ซึ่งแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบสามเดือนที่ 1.1806 ยูโรต่อดอลลาร์ ปรับตัวขึ้นแล้วมากกว่า 14% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ และกำลังมุ่งหน้าสู่ปีที่เงินยูโรทำผลงานรายปีที่ดีที่สุดในรอบ 22 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา
การประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
“ธนาคารกลางยุโรป” (อีซีบี) คงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อบางส่วน ซึ่งเป็นสัญญาณที่อาจ “ปิดประตู” ต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมในระยะสั้น
วันเดียวกัน ค่าเงิน “ดอลลาร์ออสเตรเลีย” แข็งค่าขึ้นสุดรอบกว่าหนึ่งปี หลังจากนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วต้นปีหน้า โดยแข็งค่าขึ้น 0.2% สู่ระดับ 67.13 เซนต์สหรัฐ เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.2024 ทำให้ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 1.5% ในไตรมาสนี้ และเป็นหนึ่งในสกุลเงินหลักของตลาดพัฒนาแล้วที่ทำผลงานได้ดีที่สุด







