‘ไทยพาณิชย์’ เตือนศก.ปี69ไม่ง่าย โจทย์แบงก์‘เลือกโต-คุมคุณภาพ-ลดเสี่ยง’

ไทยพาณิชย์ ประเมินปี 2569 เศรษฐกิจไทยเผชิญแรงกดดันรอบด้าน เติบโตต่ำกว่าศักยภาพ สถาบันการเงินต้องปรับเกมธุรกิจภายใต้โจทย์ “เลือกโต คุมคุณภาพ ลดความเสี่ยง” เดินหน้าขยายสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ควบคู่ดูแลคุณภาพสินทรัพย์ไม่ให้แย่ลง
ท่ามกลางเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำกว่าศักยภาพ และแรงกดดันจากทุกทิศทาง “กฤษณ์ จันทโนทก” มองว่าปีหน้าจะเป็นปีแห่งความท้าทายอย่างมาก ทั้งต่อเศรษฐกิจและมุมของสถาบันการเงิน
“นายกฤษณ์ จันทโนทก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มองว่า “ปีหน้า” (ปี 2569) จะเป็นอีกหนึ่งปีที่เศรษฐกิจไทยเผชิญ “ความท้าทายค่อนข้างมาก”
ทั้งปัจจัยภายนอกประเทศ ปัจจัยภายในประเทศ แต่เป็นแรงกดดันที่ “มาจากทุกทิศทาง” ต่อระบบเศรษฐกิจและต่อภาคการเงินไทย
ในภาคการเงิน มองว่าธนาคารพาณิชย์ปีนี้ ยังเป็นปีแห่งความท้าทาย ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน โดยเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ยังมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงในมิติของการปล่อยสินเชื่อ แต่รวมถึงการให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชนด้วย ในสถานการณ์ที่ปัญหาหนี้มีอยู่มาก การใช้จ่ายอย่างรอบคอบและการวางแผนทางการเงินที่ดีเป็นสิ่งจำเป็น
ในส่วนของทิศทางธุรกิจ ปีหน้าไทยพาณิชย์ยังคงวางเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในเชิงบวก ไม่ได้มองว่าจะหดตัว แต่การเติบโตจะเป็นลักษณะของ “การเลือกโต” โดยมุ่งเน้นไปยังกลุ่มลูกค้าและกลุ่มธุรกิจที่ธนาคารมีความเชื่อมั่น
“โดยยังมองกลุ่มหลักที่ธนาคารรู้จักเป็นอย่างดี หรือเป็นธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของโลก รวมถึงธุรกิจที่แม้อาจไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโตสูง แต่เป็นผู้ประกอบการที่มีต้นทุนต่ำ เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนั้น หรือมีวินัยทางการเงินที่ดี ซึ่งธนาคารยังพร้อมสนับสนุน”
หากแบ่งตามกลุ่มสินเชื่อสินเชื่อรายใหญ่ยังเป็นหนึ่งในกลุ่มหลักที่สามารถเติบโตได้ ขณะที่สินเชื่อบ้าน ไทยพาณิชย์ยังเชื่อว่าสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดได้ สำหรับสินเชื่อรถยนต์ มองว่ายังมีบางเซ็กเมนต์ที่ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อเพิ่มได้ บนพื้นฐานของความมั่นใจในคุณภาพลูกค้า
ทั้งสามกลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มหลักที่ธนาคารยังเห็นโอกาสในการเติบโต ส่วนสินเชื่อ SME เขามองว่า อาจไม่ได้เติบโตมากนัก แต่จะเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิมที่ยังมีความเข้มแข็ง
ในส่วนของไทยพาณิชย์พร้อมสนับสนุนนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยเฉพาะมาตรการด้านเครดิตการันตีเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี เพื่อสอดคล้องกับโครงสร้างเศรษฐกิจในอนาคตในการช่วยเหลือผู้ประกอบการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความแข็งแกร่งหรือความยั่งยืนมากขึ้น
สำหรับกลยุทธ์ในปีหน้า เขามองว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ต้องทำทั้งสองด้านพร้อมกัน คือการเติบโตของสินเชื่อ และการดูแลคุณภาพสินทรัพย์ไม่ให้แย่ลงซึ่งเป็น “Dual Mandate” ที่มีความท้าทายสูง และไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากธนาคารมีการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการภายใน เพื่อให้การดูแลสินทรัพย์มีประสิทธิภาพมากขึ้น และตั้งเป้าว่าจะไม่ปล่อยให้ระดับ NPL สูงกว่าระดับปัจจุบัน
อีกหนึ่งความเสี่ยงที่ธนาคารให้ความสำคัญ คือความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่คำถามว่า “จะเกิดหรือไม่” แต่เป็นคำถามว่า “จะเกิดเมื่อไร” ดังนั้น การวางแผนรองรับในเชิงระบบ ทั้งในภาครัฐและสถาบันการเงินจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ยกตัวอย่างเหตุการณ์น้ำท่วมที่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมาก และชี้ว่า ธนาคารได้นำประเด็นภัยพิบัติเข้ามาอยู่ในกระบวนการ stress test แล้ว และจะมีบทบาทมากขึ้นในแผนต่อไป
สุดท้ายแล้วมองว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุดอาจไม่ใช่ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจโดยตรง แต่คือ “บรรยากาศความกลัว” ที่อาจนำไปสู่ภาวะ self-fulfilling prophecy เมื่อทุกคนกังวลจนหยุดการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ
ซึ่งสิ่งที่อยากเห็นคือสัญญาณเชิงบวก
ทั้งในแผนปฏิรูประบบการคลังของภาครัฐ และความพยายามในการทำงานร่วมกันระหว่างภาคธนาคาร ภาคธุรกิจ และภาครัฐ เพื่อแก้โจทย์เชิงโครงสร้างของประเทศ
ดังนั้น แม้ปีหน้าจะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างจริงจัง เศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสที่จะประคับประคองตัวเองและก้าวต่อไปได้ท่ามกลางความไม่แน่นอน







