เอชเอสบีซี ประเทศไทย บริจาค 1.65 ล้านบาท ปันน้ำใจ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

เอชเอสบีซี ประเทศไทย บริจาค 1.65 ล้านบาท  ปันน้ำใจ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย มอบเงินจำนวน 1.65 ล้านบาท แก่มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือฉุกเฉินและการฟื้นฟูชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในภาคใต้ของประเทศไทย ทั้งนี้ เงินบริจาคดังกล่าวจะนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในอำเภอหาดใหญ่และอำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบกว่า 20,100 คน จากหนึ่งในเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย

เอชเอสบีซี ประเทศไทย บริจาค 1.65 ล้านบาท  ปันน้ำใจ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ นายจอร์โจ กัมบา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย กล่าวว่า "ในฐานะธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของประเทศไทย ธนาคารเอชเอสบีซีประเทศไทย ให้การสนับสนุนประชาชนไทยมายาวนานกว่า 137 ปี 

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2431 เรายังคงมุ่งมั่นที่จะยืนหยัดเคียงข้างประชาชนไทยของในยามวิกฤติ โดยในครั้งนี้ เราได้ร่วมมือกับมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือชุมชนที่ประสบอุทกภัยในภาคใต้ในการฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่เพื่อให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติได้โดยเร็ว"

 

เงินบริจาค 1.65 ล้านบาทนี้จะส่งผ่านมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เพื่อมอบความช่วยเหลือที่สำคัญหลายด้าน อาทิ ด้านสาธารณสุข การฟื้นฟูด้านการศึกษา และความช่วยเหลือฉุกเฉิน 

โดยการสนับสนุนครั้งนี้ครอบคลุมการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นให้กับโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อให้สามารถดูแลรักษาผู้ป่วยจากเหตุอุทกภัย รวมถึงผู้ป่วยที่ถูกส่งตัวมาจากโรงพยาบาลอื่น ๆ ในจังหวัดสงขลา

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการฟื้นฟูโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยจำนวน13 แห่งในอำเภอสทิงพระ ตลอดจนจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคฉุกเฉินให้กับครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ อาหารแห้ง ยา และชุดสุขอนามัย

 

นางรสลิน โกแวร์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "เราขอขอบคุณธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย เป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ให้การช่วยเหลือสนับสนุนชุมชนและประชาชนชาวไทยมาอย่างต่อเนื่อง 

เงินบริจาคในครั้งนี้จะช่วยให้มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยสามารถขยายการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคใต้และพื้นที่การดำเนินงานของเราได้อย่างครอบคลุม ทันท่วงที และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อร่วมบรรเทาความเดือดร้อน และช่วยให้ชุมชนในพื้นที่ภาคใต้สามารถก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากและฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ได้อีกครั้ง"