'อมรเทพ' หนุนกนง.ลดดอกเบี้ย หวังภาคการเงินเข้าพยุงศก.แทนภาคการคลัง

'ดร.อมรเทพ' มองมติกนง.ลดดอกเบี้ยเอกฉันท์ ส่งสัญญาณเครื่องมือการเงินพร้อมเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มองการลดดอกเบี้ยต่อเหลือ 1% ยังไม่มีความจำเป็น เนื่องจากเศรษฐกิจยังอยู่ในกรอบคาดการณ์ คาดมีการพักช่วงก่อนลดอีกครั้ง
KEY
POINTS
- ดร.อมรเทพมองว่ามติเอกฉันท์ของ กนง. ในการลดดอกเบี้ย เป็นสัญญาณว่านโยบายการเงินพร้อมเข้ามามีบทบาทหลักในการพยุงเศรษฐกิจแทนภาคการคลัง
- การตัดสินใจลดดอกเบี้ยเป็นการตอบสนองต่อความกังวลของตลาด ทั้งเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าและสินเชื่อเอสเอ็มอีที่หดตัว
- แม้ กนง. จะพร้อมลดดอกเบี้ยต่อในอนาคต แต่ปัจจุบันยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลดลงถึง 1% เนื่องจากเศรษฐกิจยังอยู่ในกรอบที่คาดการณ์ไว้
ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า การที่ กนง. มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เหลือ 1.25% โดยมีมติเป็นเอกฉันท์นั้น อาจเป็นการส่งสัญญาณให้กับตลาดว่าเครื่องมือทางการเงินพร้อมที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า โดยตอบสนองต่อความกังวลของตลาดในทางเศรษฐกิจ ทั้งในเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งค่า และสินเชื่อเอสเอ็มอีที่หดตัว
ผลกระทบของการยุบสภาทำให้บทบาทของนโยบายการคลังทำได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของกนง.ในครั้งนี้ ก็อาจชี้ให้เห็นว่า เครื่องมือทางการเงินพร้อมที่จะเข้ามาเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่อาจเติบโตช้า โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 69 คาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ และจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลัง
อย่างไรก็ตาม แม้กนง.จะมีมติเอกฉันท์ ซึ่งแสดงถึงความพร้อมในการลดดอกเบี้ยต่อไปอีกในระยะข้างหน้า แต่ ดร.อมรเทพยังมองว่าในปัจจุบันยังไม่มีความจำเป็นมากถึงขนาดนั้นที่จะลดดอกเบี้ยลงไปเป็น 1% เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจยังคงอยู่ในกรอบที่ตลาดคาดการณ์ไว้
"มองไปข้างหน้า หากเศรษฐกิจชะลอตัวลงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ การใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายก็อาจจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจต่อได้ แต่หาก กนง. มีการพิจารณาลดดอกเบี้ยลงอีกครั้งในอนาคต ก็คงไม่ใช่เพื่อการกระตุ้นความต้องการสินเชื่อ แต่เพื่อลดภาระของผู้ที่มีหนี้อยู่แล้วมากกว่า"
สำหรับการเลือกตั้งในช่วงกลางปีหน้า ดร.อมรเทพมองว่า อาจส่งผลกระทบกับเรื่องงบประมาณรายจ่ายปี 70 และมีแนวโน้มที่นโยบายการเงินจะกลับเข้ามามีบทบาทสำคัญได้อีกครั้ง แต่ในเวลานี้แนวโน้มยังเป็นการพักช่วงอีกระยะหนึ่งก่อนการลดดอกเบี้ยครั้งต่อไป







