เงินบาทแข็งนำเอเชีย แตะ 31.44 บาทต่อดอลล์ แข็งค่าสุดกว่า 4 ปีครึ่ง หลังทองคำจ่อออลไทม์ไฮต่อ -ดอลล์อ่อน

กสิกรไทย ชี้เงินบาทแข็งค่าสุดรอบเกือบ 5 ปี แตะ 31.45 บาทต่อดอลลาร์ รับแรงหนุนดอลลาร์อ่อน ราคาทองคำพุ่ง และแรงเทขายดอลลาร์หลังหลุด 31.50 บาทต่อดอลลาร์
KEY
POINTS
- เงินบาทแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 31.44 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบกว่า 4 ปีครึ่ง
- ปัจจัยหลักมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่เคยส่งสัญญาณไว้
- ราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
- และปัจจัยทางเทคนิคที่กระตุ้นแรงเทขายดอลลาร์
นางสาวกาญจนา โชคพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ล่าสุดค่าเงินบาทในปัจจุบันอยู่ในภาวะที่เรียกได้ว่า “แข็งมาก” และเป็นการแข็งค่าที่เห็นได้ชัดเจน
โดยปัจจุบันเงินบาทอยู่ที่ 31.44 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นการแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง
สำหรับปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น มาจาก 3 ปัจจัยหลักที่เข้ามาหนุนพร้อมกัน ปัจจัยแรกและถือเป็นปัจจัยใหญ่ที่สุด คือการอ่อนแอของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์ในรอบนี้ไม่ได้ส่งผลเฉพาะกับเงินบาทเท่านั้น แต่กระทบต่อสกุลเงินทั่วโลกในภาพรวม สาเหตุสำคัญมาจากแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด
แม้ว่าในการประชุมรอบล่าสุด เฟดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้แล้ว แต่สิ่งที่ตลาดการเงินได้ “มองข้ามช็อต” ไปไกลกว่านั้น
โดยตลาดกำลังประเมินว่าในปีหน้า เฟดอาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่สะท้อนอยู่ใน Dot Plot ซึ่งในเอกสารดังกล่าวคาดการณ์ไว้เพียง 1 ครั้ง ความคาดหวังของตลาดที่มองว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยมากกว่าที่ส่งสัญญาณไว้นี้เอง เป็นแรงกดดันสำคัญที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง และเมื่อดอลลาร์อ่อนค่า สกุลเงินอื่น ๆ รวมถึงเงินบาทจึงแข็งค่าขึ้นตามไปด้วย
ปัจจัยที่สองที่เข้ามาหนุนค่าเงินบาท คือการปรับตัวขึ้นอย่างมากของราคาทองคำในตลาดโลก ที่ราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง และอาจแตะระดับออลล์ไทม์ไฮต่อ ที่เป็นแรงเสริมให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นเพิ่มเติม
ปัจจัยที่สาม จากปัจจัยทางเทคนิคในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน โดยค่าเงินบาทได้หลุดผ่านแนวรับสำคัญหลายระดับอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่การหลุดระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนจะไหลลงมาผ่านระดับ 31.8 บาท 31.6 บาท และ 31.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ การหลุดแนวรับสำคัญเหล่านี้มีลักษณะเป็นการเร่งแรงของตลาด และอาจกระตุ้นให้เกิดแรงเทขายเงินดอลลาร์เพิ่มเติมจากผู้เล่นในตลาด ซึ่งยิ่งทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีก







