ยกชั้น 'ตลาดหุ้นเวียดนาม' เป็น Emerging Market ปลดล็อกเงินทุนทั่วโลก เริ่ม 21 ก.ย.69

ยกชั้น 'ตลาดหุ้นเวียดนาม' เป็น Emerging Market ปลดล็อกเงินทุนทั่วโลก เริ่ม 21 ก.ย.69

FTSE Russell ไฟเขียว! ปรับสถานะ 'ตลาดหุ้นเวียดนาม' จากตลาดชายขอบเป็น Emerging Market จะทบทวนอีกครั้ง มี.ค. ปีหน้า ถ้าไม่ติดขัดมีผลทันที 21 ก.ย.69

ผู้ให้บริการดัชนี FTSE Russell ประกาศยกระดับสถานะ "ตลาดหุ้นเวียดนาม" เป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) จากเดิมสถานะตลาดชายขอบ (Frontier market) ซึ่งเป็นสัญญาณบวกล่าสุดที่เวียดนามรอคอยมานานหลายปี และอาจส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่ตลาดหุ้นที่มีผลประกอบการดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยบวกไปแล้วถึงกว่า 30% ในปีนี้ 

การยกระดับสถานะตลาดหุ้นเวียดนามจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 กันยายน 2569 โดยระหว่างนั้นจะมีการพิจารณาทบทวนเกณฑ์อีกครั้งในเดือนมีนาคม 2569 เพื่อพิจารณาว่ามีความคืบหน้าเพียงพอหรือไม่ในการเปิดโอกาสให้เข้าถึงโบรกเกอร์ระดับโลก

ด้านตลาดหุ้นเวียดนามขานรับข่าวดีทันที ณ เวลา 09.19 น. ดัชนี VN Index (VNI) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.96 จุด หรือ +0.89% อยู่ที่ระดับ 1,700.26 จุด

FTSE Russell ซึ่งเพิ่มชื่อเวียดนามลงในรายชื่อตลาดหุ้นที่มีสิทธิได้รับการยกระดับสถานะตั้งแต่ปี 2561 ระบุถึงความคืบหน้าต่างๆ ของหน่วยงานกำกับดูแลตลาดหุ้นเวียดนามในการพัฒนาตลาด โดยมีการปฏิรูปที่สำคัญๆ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รวมถึงการยกเลิกข้อกำหนดให้ต้องวางเงินล่วงหน้าเต็มจำนวนสำหรับการทำธุรกรรมหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเคยเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับการปลดล็อกสถานะตลาดของ FTSE

FTSE Russell ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้คาดว่าจะทำให้แนวปฏิบัติทางการตลาดของเวียดนามสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ลดความเสี่ยงจากคู่สัญญา และเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุน

“การได้รับการรับรอง และการปรับสถานะตลาดหลักทรัพย์ของเวียดนามอย่างเป็นทางการ ถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจนถึงเส้นทางการพัฒนาที่มั่นคงของประเทศ และศักยภาพที่เพิ่มขึ้นของเวียดนามในการบูรณาการเข้าสู่ระบบการเงินโลกอย่างลึกซึ้งมากขึ้น” เหวียน วัน ถั่ง รัฐมนตรีคลังเวียดนาม ระบุในแถลงการณ์

ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม VN Index บวกไปแล้ว 33% ในปีนี้ ทำให้เป็นตลาดหุ้นที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และดัชนีทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้งในปีนี้

อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติได้ "เทขาย" ล็อตใหญ่ในเดือนสิงหาคม และกันยายนที่ผ่านมา รวม 2.6 พันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะเดือนสิงหาคม ต่างชาติถอนเงินออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ตลาดยังได้แรงหนุนจากนักลงทุนในประเทศ การยกระดับเป็นตลาดเกิดใหม่ครั้งนี้อาจช่วยพลิกสถานการณ์ที่ซบเซา โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีเงินทุนไหลเข้า 3.5 - 5 พันล้านดอลลาร์

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์