หุ้นเอเชียมีแนวโน้มทำผลงาน ‘ดีกว่า’ ตลาดหุ้นสหรัฐ

หุ้นเอเชียมีแนวโน้มทำผลงาน ‘ดีกว่า’ ตลาดหุ้นสหรัฐ

นักลงทุนทั่วโลกหันมาจับตา ‘หุ้นเอเชีย’ หลังดัชนี MSCI Asia Pacific พุ่งนำ S&P 500 กว่า 8 จุดเปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ท่ามกลางแรงหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่า เงินทุนไหลออกจากสหรัฐและมูลค่าหุ้นในเอเชียที่ยังถูกกว่า

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า "หุ้นเอเชีย"มีแนวโน้มที่จะ “ทำผลงานได้ดีกว่า” ตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับเอเชียที่ได้รับแรงหนุนจากมูลค่าหุ้นที่ถูกกว่า และกระแสโยกย้ายเงินลงทุนออกจากสินทรัพย์สหรัฐ ตามการประเมินของเหล่านักวิเคราะห์

ปัจจัยหนุนเพิ่มเติมคือ สัญญาณผ่อนคลายของความตึงเครียดทางการค้า โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งการปรับตัวขึ้นของ “ตลาดหุ้นจีน” ที่ดำเนินมาหลายเดือน อีกทั้งการปรับลดดอกเบี้ย ล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เป็นไปตามคาด ก็ยิ่งตอกย้ำแนวโน้มอ่อนค่าลงของสกุลดอลลาร์ และช่วยเปิดทางให้ธนาคารกลางในเอเชีย มีพื้นที่ผ่อนคลายทางนโยบายการเงินมากขึ้น

ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้นแล้ว 22% ในปีนี้ “แซงหน้า” S&P 500 ราว 8 จุดเปอร์เซ็นต์ และกำลังจะทำผลงานชนะตลาดหุ้นสหรัฐ มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2017

หุ้นเอเชียมีแนวโน้มทำผลงาน ‘ดีกว่า’ ตลาดหุ้นสหรัฐ

- หุ้นเอเชีย “แซงหน้า” S&P 500 (ภาพ: Bloomberg) -

“เราให้น้ำหนักเชิงบวกต่อตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิก (APAC) เมื่อเทียบกับหุ้นสหรัฐในช่วงที่เหลือของปีนี้” โฮมิน ลี นักกลยุทธ์มหภาคอาวุโสแห่ง Lombard Odier Singapore กล่าว พร้อมเสริมว่า “ปัจจัยหลายประการ ตั้งแต่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทรงตัว อัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่ลดลง ไปจนถึงการหยุดชะงักทางการค้าที่เริ่มคลี่คลาย ล้วนเป็นสิ่งที่เอื้อต่อการลงทุนในตลาด”

ดัชนี MSCI Asia ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 16 เท่าของกำไรคาดการณ์ล่วงหน้า “ต่ำกว่า” ดัชนี S&P 500 ที่ 23 เท่า

ขณะที่ดัชนี Hang Seng Tech ซึ่งพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซื้อขายที่ราว 21 เท่า เมื่อเทียบกับดัชนี Nasdaq 100 ที่ 27 เท่า ตามข้อมูลที่บลูมเบิร์กรวบรวม สัญญาณจากตลาดออปชันบ่งชี้ว่า เทรดเดอร์ยอมจ่ายพรีเมียม เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการแข็งค่าของสกุลเงินเอเชีย

หุ้นเอเชียมีแนวโน้มทำผลงาน ‘ดีกว่า’ ตลาดหุ้นสหรัฐ

- ตลาดออปชัน (ภาพ: Bloomberg) -

“เมื่อมองจากภาพรวมเช่นนี้ เรากำลังเพิ่มการลงทุนในหุ้นนอกสหรัฐ รวมถึงหุ้นเอเชียเมื่อเทียบกับหุ้นสหรัฐ” ชาง ฮวาน ซุง ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอหลายสินทรัพย์ในทีม Invesco Investment Solutions ฮ่องกงกล่าว พร้อมเสริมว่า การตัดสินใจนี้เกิดจากมุมมองเชิงลบต่อค่าเงินดอลลาร์ และการไหลออกของเงินทุนสหรัฐ ที่มองหาการกระจายการลงทุนในต่างประเทศ และแสวงหากำไรจากการแข็งค่าของสกุลต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม หากเฟดหยุดลดดอกเบี้ยเพราะเงินเฟ้อ หรือหันกลับไปใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดขึ้น ก็อาจพลิกความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ง่าย ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนยังคงเปราะบาง อีกทั้งความไม่แน่นอนทางการเมืองในอินโดนีเซีย ไทย และญี่ปุ่น ก็ยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตา

“สหรัฐยังคงเป็นศูนย์กลางหลักของอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ และยังมีพลังการทำกำไรของบริษัทที่สูง แต่เอเชียก็มีจุดเด่นเฉพาะของตัวเอง” ชารู ชานานา หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ Saxo Markets กล่าว โดยยกตัวอย่างการเติบโตจากกำลังซื้อภายในอินเดีย โอกาสจากดอกเบี้ยขาขึ้นของนโยบายธนาคารกลางญี่ปุ่น รวมถึงหุ้นเทคโนโลยีจีนบางกลุ่มที่รัฐสนับสนุนและเริ่มสร้างเงินได้จริง

อ้างอิง: bloomberg