Adidas เตรียมซื้อกิจการ Puma?

Adidas เตรียมซื้อกิจการ Puma?

หนึ่งในสตอรี่ของวงการกีฬาที่สะเทือนความรู้สึกของผู้คนมากมายคือรอยร้าวที่ไม่มีวันประสานได้ของ “พี่น้องดาสเลอร์” ที่กลายเป็นต้นตอของการแยกทางสู่การก่อตั้งแบรนด์ Adidas ของอดอล์ฟ ดาสเลอร์ และ Puma ของรูดอล์ฟ ดาสเลอร์

KEY

POINTS

Key points

  • จุดเริ่มต้นของทั้ง Puma และ Adidas เกิดขึ้นจากการก่อตั้งโรงงานทำรองเท้าเล็กๆที่ชื่อว่า “Gebrüder Dassler Schuhfabrik” หรือ “โรงงานผลิตรองเท้าพี่น้องดาสเลอร์” ในปี 1924 และประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม
  • Bloomberg เป็นที่แรกที่รายงานว่ามีโอกาสที่จะเกิดการควบรวมกันของสองยักษ์ใหญ่ย้อนไปตั้งแต่เดือนสิงหาคม
  • ตามรายงานจากรอยเตอร์ ระบุว่ามีนักลงทุน 2 กลุ่มที่ให้ความสนใจที่จะเทคโอเวอร์กิจการของ Puma ซึ่งไม่ได้มีชื่อของ Adidas แต่อย่างใด แต่เป็นAuthentic Brands อีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ของโลกกีฬา และกองทุน CVC
  • สำหรับ Puma การได้จับมือกับ Adidas หมายถึงการค้นพบแสงสว่างและความหวังอีกครั้ง ขณะที่ฝ่ายของ Adidas นี่คือการเสริมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดและจะทำให้พวกเขามีโอกาสไล่บี้ Nike ต่อไป

แต่ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดกระแสข่าวสะพัดที่น่าตกใจอย่างยิ่งว่า Adidas เตรียมที่จะเข้าซื้อกิจการของ Puma ที่อาจนำไปสู่การปิดตำนานความบาดหมางระหว่างแบรนด์ของสองพี่น้องนักทำรองเท้าในตำนานของวงการกีฬา

เรื่องนี้มีเค้ามูลของความจริงมากน้อยแค่ไหน และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากเกิดการควบรวมกันของสองแบรนด์นี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างไรในโลกของกีฬา

ข่าวใหญ่เขย่าวงการ

สำนักงานใหญ่ Adidas ตั้งอยู่ที่เมือง Herzogenaurach ในประเทศเยอรมนี ซึ่งก็เป็นเมืองเดียวกับที่สำนักงานใหญ่ของ Puma ตั้งอยู่เช่นกัน

เรื่องนี้นั้นเป็นเพราะทั้งสองแบรนด์ก่อตั้งโดยพี่น้องตระกูลดาสเลอร์ ที่เคยทำโรงงานรองเท้าด้วยกันแต่ในเวลาต่อมาเกิดความขัดแย้งระหว่างกันจนทำให้ตัดสินใจแยกทางกันอย่างสิ้นเชิง ต่างฝ่ายต่างทำโรงงานรองเท้าของตัวเอง (ที่พัฒนาต่อมาเป็นแบรนด์ระดับโลก) และแข่งขันกันอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนมาโดยตลอด

อย่างไรก็ดีในขณะที่ Adidas ยังครองความยิ่งใหญ่ของโลกกีฬาได้อย่างต่อเนื่อง Puma กลับประสบปัญหาอย่างหนักในเรื่องของยอดขาย

โดยในการประกาศผลประกอบการล่าสุดของ Puma ในไตรมาส 2 ประจำปี 2025 ยอดขายนั้นลดลง 2 เปอร์เซ็นต์ และมีการปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการทั้งปี ที่คาดว่าจะมีการขาดทุนสุทธิราว 247 ล้านยูโร (9.2 พันล้านบาท)

สถานการณ์ดังกล่าวนำไปสู่กระแสข่าวว่าอาจจะมีการเตรียมพิจารณาขายหุ้นของ Puma ของครอบครัวปินอลต์ผู้ถือหุ้นใหญ่จำนวน 29 เปอร์เซ็นต์ผ่านบริษัทการลงทุน Artemis โดยฝ่ายที่สนใจจะซื้อคือ Adidas

ก่อนหน้านี้ Bloomberg เป็นที่แรกที่รายงานว่ามีโอกาสที่จะเกิดการควบรวมกันของสองยักษ์ใหญ่ย้อนไปตั้งแต่เดือนสิงหาคม และในวงการดูเหมือนจะมีเสียงซุบซิบกันมาเป็นระยะเวลาหลายเดือนแล้ว

รอย อดัมส์​ นักวิเคราะห์จาก Metronuclear ให้สัมภาษณ์แก่หนังสือพิมพ์ Handelsblatt ในเยอรมนีว่า “Puma อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินเวลนี้ ถ้าฝ่ายบริหารล้มเหลวที่จะแก้ไขสถานการณ์ การควบรวมกับ Adidas เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”

ในประเด็นนี้ทางด้าน Adidas และ Puma ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเพิ่มเติม

 

ทำไม Adidas ถึงอยากได้ Puma?

คำถามที่น่าสนใจตามมาคือทำไม Adidas ถึงอยากได้ Puma ด้วย? 

คำตอบที่ง่ายที่สุดคือมันเป็นการรวมตัวกันของสองแบรนด์ชั้นนำของโลกที่จะทำให้กลายเป็นพอร์ตโฟลิโอที่ใหญ่ที่สุดของโลกกีฬาได้เลย

สำหรับ Puma การได้จับมือกับ Adidas หมายถึงการค้นพบแสงสว่างและความหวังอีกครั้ง ขณะที่ฝ่ายของ Adidas นี่คือการเสริมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดและจะทำให้พวกเขามีโอกาสไล่บี้ Nike คู่แข่งจากสหรัฐอเมริกาที่ยังประสบปัญหาเมาหมัดจากความล้มเหลวในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้โดยไม่มีแววว่าจะกลับมาฟื้นคืนชีพได้แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารสูงสุดเป็น “คนใน” อย่าง เอลเลียตต์ ฮิลล์ ก็ตาม

มองจากตัวเลขผลประกอบการในปี 20024 Adidas ทำได้ที่ 2.36 หมื่นล้านยูโร และอีก 8.81 พันล้านยูโรของ Puma หากมีการควบรวมกันจริงจะทำให้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ารวม 3.25 หมื่นล้านยูโร (1.21 ล้านล้านบาท)

ตัวเลขนี้แม้ว่าจะยังเป็นรอง Nike ที่มีผลประกอบการรวม 4.63 หมื่นล้านยูโร (1.7 ล้านล้านบาท) แต่การรวมตัวกันแบบนี้นั้นสองแรงช่วยกันย่อมดีกว่าเสมอ

ทั้งสองแบรนด์นั้นแข็งแรงอย่างมากในด้านรองเท้าสนีกเกอร์ที่สร้างกระแสไปทั่วโลกจากรองเท้าคลาสสิกเหนือกาลเวลาอย่าง Gazelle, Samba และล่าสุดกับการกลับมาของ Superstar ของ Adidas ขณะที่ Puma กมี Suede, Club Era และ Speedcat ที่ไม่ว่าไปเดินเที่ยวที่ไหนก็จะเห็นวัยรุ่นใส่รองเท้ารุ่นเหล่านี้เสมอ

 

Puma จะหายไปเลยไหม?

สำหรับแฟน Puma ข่าวที่เกิดขึ้นก็อาจทำให้เกิดความสงสัยระคนกังวลใจว่าแล้วแบบนี้แบรนด์ที่รักจะหายไปเลยไหม? คำตอบคือไม่เสมอไป

นั่นเพราะทั้งสองแบรนด์ต่างเข้มแข็งด้วยตัวเองอยู่แล้วและมีแฟนของตัวเองจำนวนมากมายมหาศาลทั่วโลก และการที่แบรนด์หนึ่งซื้ออีกแบรนด์ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องลบชื่ออีกแบรนด์ทิ้งไปเลย ในทางตรงกันข้ามยังสามารถผลิตสินค้าออกมาขายด้วยกันได้เหมือนเดิม

สิ่งที่เพิ่มเติมคือความร่วมมือกันระหว่างแบรนด์ ไปจนถึงโอกาสที่จะได้เห็นการร่วมมือ (Collaboration) ระหว่างกันและกันที่ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้เห็น

ในอดีต Nike เคยเข้าซื้อกิจการของ Converse Rubber Shoe (แบรนด์ Converse) ในปี 2003 ซึ่งแบรนด์ตราดาวเคยเป็นคู่แข่งสำคัญในวงการรองเท้าบาสเก็ตบอลและรองเท้าสนีกเกอร์ในช่วงปี 1970-1980 มาก่อน

แต่ Nike ไม่ได้ลบแบรนด์ Converse ให้หายไป ในทางตรงกันข้ามยังทำให้แบรนด์กลับมาแข็งแรงและเติบโตได้อีกครั้งในกลุ่มตลาดของตัวเอง

นั่นเป็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับ Puma เช่นเดียวกันหากฝ่ายที่ซื้อกิจการคือ Adidas

 

ยังไม่ทันขายหุ้นก็ขึ้น

อย่างไรก็ดีตามรายงานจากรอยเตอร์ ระบุว่ามีนักลงทุน 2 กลุ่มที่ให้ความสนใจที่จะ เทคโอเวอร์กิจการ Puma ซึ่งไม่ได้มีชื่อของ Adidas แต่อย่างใด

2 กลุ่มดังกล่าวประกอบไปด้วย Authentic Brands อีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ของโลกกีฬา และ กองทุน CVC ที่แสดงความสนใจจะซื้อหุ้นจำนวน 29 เปอร์เซ็นต์ของครอบครัวปินอลต์

แต่ทางด้านผู้ใกล้ชิดกับครอบครัวชาวฝรั่งเศสที่เป็นเจ้าของ Artemis ยืนยันว่ายังไม่มีการดำเนินการที่จะขายหุ้นของ Puma ออกไป แม้ว่าจะมีคนที่สนใจก็ตาม พร้อมระบุว่ารายงานข่าวในสื่อเยอรมันเป็นเรื่องที่ “ไม่เป็นความจริง”

ก่อนหน้านี้รอยเตอร์ เคยรายงานว่า Puma ยังไม่มีแผนที่จะขายหุ้นออกไปในราคาตลาดนี้และจะไม่ทำการเจรจาเพื่อการเทคโอเวอ์ใดๆด้วย

ถึงอย่างนั้นแค่การเกิดกระแสข่าวที่เกิดขึ้นทำให้หุ้นของ Puma ขึ้นทันทีราว 11 เปอร์เซ็นต์แล้ว เรียกว่าเป็นการโยนหินถามทางได้น่าสนใจ

 

ปิดตำนานพี่น้องแยกทาง?

สิ่งที่แฟนกีฬาแอบคิดคือเรื่องโรแมนติกในการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของสองแบรนด์พี่น้อง

จุดเริ่มต้นของทั้ง Puma และ Adidas เกิดขึ้นจากการก่อตั้งโรงงานทำรองเท้าเล็กๆที่ชื่อว่า “Gebrüder Dassler Schuhfabrik” หรือ “โรงงานผลิตรองเท้าพี่น้องดาสเลอร์” ในปี 1924 และประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม

ความช่างเจรจาของ รูดอล์ฟ (หรือรูดิ) ผู้เป็นพี่กับความเป็นนักประดิษฐ์ขี้อย่าง อดอล์ฟ (หรืออาดิ) เข้ากันได้เป็นอย่างดี ก่อนที่กิจการของทั้งสองจะเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจุดเปลี่ยนสำคัญที่เกิดขึ้นในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงเบอร์ลินในปี 1936

ในปีนั้น เจสซี โอเวนส์ สุดยอดนักวิ่งระดับตำนานชาวสหรัฐอเมริกา คว้าเหรียญทองได้ถึง 4 เหรียญ โดยใส่รองเท้าวิ่งที่ผลิตจากโรงงานของพวกเขา

แต่ในเวลาต่อมาสองพี่น้องกลับเริ่มมีรอยร้าวระหว่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ จากความแตกต่างทางบุคลิก นิสัย ไปจนถึงความคิดทางการเมือง และเกิดเหตุการณ์สำคัญเมื่อรูดิ ถูกจับกุมตัวโดยทหารอเมริกันซึ่งคิดว่าน้องเป็นคนให้เบาะแส ขณะที่ตัวอาดิ แม้จะรอดจากการโดนจับก็มีข่าวว่ารูดิ พยายามให้เบาะแสเพื่อให้น้องโดนจับ

สุดท้ายทั้งสองตัดสินใจแยกทางในปี 1948 โดยไม่ได้แยกแค่ระหว่างกัน แต่ยังทำให้บ้านดาสเลอร์ต้องแตกด้วย แม่เลือกจะอยู่กับรูดิ ขณะที่มารีซึ่งเปนพี่สาวเลือกจะมาอยู่กับอาดิ (เพราะรูดิไม่ยอมจ้างงานลูกชายของเธอ 2 คน จนสุดท้ายต้องไปออกรบและเสียชีวิต)

นับจากวันนั้นทั้งสองไม่เผาผี ไม่เคยพูดกันอีกเลยแม้กระทั่งในยามสิ้นลมหายใจ หลุมศพของทั้งสองต่างก็อยู่คนละฟากของสุสาน

ดังนั้นหากจะมีใครที่เข้ามาอุ้ม Puma หากเป็น Adidas แล้วต่อให้พี่น้องดาสเลอร์จะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้มานานแล้ว แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็มีวันที่บ้านดาสเลอร์จะกลับมารวมกันเป็นหนึ่งอีกครั้ง

เพียงแต่เรื่องโรแมนติกนี้จะเป็นความจริงหรือไม่ ต้องรอติดตามกันต่อไป

 

 

 

อ้างอิง