จีนอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบเกือบ 6 ล้านล้านบาท 'สูงสุดในรอบปี'

จีนอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบเกือบ 6 ล้านล้านบาท 'สูงสุดในรอบปี'

ทางการจีนอัดฉีดเงินทุนระยะสั้นรอบสัปดาห์ เกือบ 6 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบปีนี้ นับตั้งแต่เดือนมกราคม หวังพยุงสภาพคล่องระบบในเดือนแห่งภาษี

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) อัดฉีดสภาพคล่องระยะสั้นเข้าระบบธนาคารพาณิชย์ในประเทศสัปดาห์นี้ "สู่ระดับสูงสุด" นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 เพื่อเติมเต็มสภาพคล่องที่ถูกดูดออกไปจากการจ่ายภาษี และการออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวนมาก โดยอัดฉีดสภาพคล่องสุทธิไป 1.3 ล้านล้านหยวน (เกือบ 6 ล้านล้านบาท) เข้าสู่ระบบการเงินผ่านข้อตกลง Reverse repo ระยะ 7 วัน 

การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่อัตราดอกเบี้ย Repo ทั้งแบบข้ามคืน และแบบอายุ 7 วัน พุ่งสูงขึ้นเหนืออัตราดอกเบี้ยนโยบายของ PBOC ในเดือนนี้ สะท้อนถึงสภาพคล่องที่ตึงตัวขึ้น 

การอัดฉีดดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของแบงก์ชาติจีนที่จะรักษาสภาพคล่องเงินทุนในระบบให้เพียงพอเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ซึ่งยังสุ่มเสี่ยงต่อการหดตัวของการส่งออก และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคภายในประเทศที่ยังคงอ่อนแอ

ทั้งนี้ เดือนกรกฎาคม เป็นเดือนสำคัญสำหรับการชำระภาษีในจีน นอกจากภาษีต่างๆ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้ และยังมีภาษีรายไตรมาส เช่น ภาษีอากรแสตมป์ และภาษีคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ที่จะครบกำหนดชำระในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมเช่นกัน

การออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวนมากยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ดึงเงินออกจากตลาด โดยบริษัทหลักทรัพย์หัวฉวงคาดการณ์ว่า การออกพันธบัตรสุทธิจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.6 ล้านล้านหยวน (ราว 7.2 ล้านล้านบาท) ในเดือนนี้ หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ล้านล้านหยวนเมื่อเทียบเป็นรายปี

สำหรับการอัดฉีดสภาพคล่องของ PBOC ในวันศุกร์นี้ ลดลงเหลือสุทธิ 1.028 แสนล้านหยวน จาก 4.446 แสนล้านหยวน ในวันพุธ ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ย Repo ที่ลดลงเป็นวันที่สามติดต่อกัน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าความพยายามของธนาคารกลางในการบรรเทาปัญหาสภาพคล่องกำลังประสบผลสำเร็จ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์