‘ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่’ บูม สะท้อนทั่วโลกกังวลวินัยการคลังสหรัฐ?

‘ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่’ บูม สะท้อนทั่วโลกกังวลวินัยการคลังสหรัฐ?

‘ตราสารหนี้ของประเทศกำลังพัฒนา’ กำลังคึกคักอย่างมาก โดยได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทน อย่างไรก็ตาม โอกาสนี้อาจไม่ได้เปิดกว้างสำหรับทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีอันดับเครดิตต่ำ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แรงซื้อจากนักลงทุนที่กระหายผลตอบแทน กำลังขับเคลื่อน “ตลาดตราสารหนี้ประเทศกำลังพัฒนา” ให้คึกคักเป็นพิเศษ ขณะที่ผู้ออกตราสารต่างเร่งระดมทุน ก่อนที่ความผันผวนในตลาดการเงินโลกจะทวีความรุนแรงขึ้น

นับตั้งแต่ต้นปี รัฐบาลและภาคเอกชนในตลาดเกิดใหม่ได้ออกตราสารหนี้สกุลเงินหลักอย่าง “ดอลลาร์สหรัฐ” และ “ยูโร” รวมมูลค่าสูงถึง 331,000 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นอัตราการออกตราสารหนี้ที่เร็วที่สุดในรอบ 4 ปี และมากกว่ายอดรวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ไปแล้ว

ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความเป็นผู้นำตลาดของสหรัฐ นักลงทุนได้ช่วยหนุนให้สินทรัพย์ต่าง ๆ ในตลาดโลกปรับตัวขึ้นในวงกว้าง ซึ่งได้กดให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง

ธนาคาร Bank of America และ JPMorgan Chase ต่างคาดการณ์ว่า สินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่น่าจะได้รับประโยชน์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ขณะที่ Societe Generale ระบุว่า สินทรัพย์ท้องถิ่นในประเทศกำลังพัฒนา กำลังอยู่ใน “ช่วงเวลาทอง” ที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการลงทุน

ทั้งนี้ ผลตอบแทนส่วนเพิ่มที่นักลงทุนต้องการจากการถือพันธบัตรสกุลดอลลาร์ของประเทศตลาดเกิดใหม่ เมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลง และใกล้แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2020 ตามดัชนีของ JPMorgan

แต่อุปสงค์ยังคงแข็งแกร่ง เพราะส่วนต่างผลตอบแทนในตลาดสหรัฐ ก็แคบลงเช่นกัน

“ถ้าคุณเป็นซีเอฟโอหรือเหรัญญิกบริษัท คุณต้องรีบออกตราสารหนี้ทันทีเมื่อโอกาสเปิด” โอโมทุนเด ลาวัล หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้ภาคเอกชนด้านตลาดเกิดใหม่แห่ง Barings Investment Services กล่าว “ถ้าความกังวลเรื่องวินัยการคลังของสหรัฐ ยังคงอยู่ในความสนใจ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ก็จะยิ่งสูงขึ้น ดังนั้นอาจจะดีกว่าที่จะระดมทุนตอนนี้ แทนที่จะรอไปทีหลัง”

ด้าน สเตฟาน ไวเลอร์ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุนตราสารหนี้สำหรับยุโรปกลาง ตะวันออกกลาง และแอฟริกาของ JPMorgan มองว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ กำลังผลักดันให้ผู้กู้หลายรายเร่งออกพันธบัตร เพื่อป้องกันความเสี่ยง หากเกิดความปั่นป่วนในตลาดเพิ่มเติม

การออกตราสารหนี้อย่างคึกคัก เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี หลังจากประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกสามารถก้าวข้ามคลื่นของการผิดนัดชำระหนี้ที่เกิดขึ้นหลังการระบาดในปี 2024 และหลายประเทศ เช่น เวียดนามและชิลี ได้ประกาศแผนปฏิรูปเศรษฐกิจชุดใหม่

แม้ตลาดจะชะลอตัวลงช่วงสั้น ๆ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีศุลกากรทั่วโลกเมื่อต้นเดือนเมษายน ซึ่งทำให้ความผันผวนในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ “ตลาดตราสารหนี้ของประเทศเกิดใหม่” ก็สามารถฟื้นตัวกลับมาอย่างแข็งแกร่ง หลังความกังวลมาตรการภาษีรุนแรงเริ่มคลี่คลาย

“ตลาดเกิดใหม่ พิสูจน์แล้วว่า เป็นแหล่งพักเงินที่ปลอดภัยกว่าเมื่อเทียบกับที่อื่นในช่วงที่ผ่านมา” คาร์เมน อัลเทนเคิร์ช นักวิเคราะห์จาก Aviva Investors กล่าว

“ปัจจัยพื้นฐานยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลของหลายประเทศ ก็ได้รับรางวัลจากความรอบคอบในการบริหารเศรษฐกิจ”

ทั้งนี้ ผู้กู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับลงทุน (Investment-Grade) คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 70% ของตราสารหนี้ทั้งหมดที่ออกในปีนี้ ตามข้อมูลที่รวบรวมโดยบลูมเบิร์ก โดยเม็กซิโกสามารถปิดดีลมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ตั้งแต่ต้นปี ขณะที่ซาอุดีอาระเบียออกตราสารหนี้รวม 12,000 ล้านดอลลาร์ในรูปแบบแบ่งเป็น 3 ชุด และความเคลื่อนไหวจากฝั่งจีนก็เริ่มคึกคักขึ้นเช่นกัน

ในตะวันออกกลาง ซึ่งผู้กู้ส่วนใหญ่มีความน่าเชื่อถือดี ความต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้นมาก เพราะราคาน้ำมันตกต่ำ ทำให้มีการออกตราสารหนี้มากในภูมิภาคนี้ และคาดว่าจะเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% ของตราสารหนี้ทั้งหมดในภูมิภาคยุโรปกลาง ตะวันออกกลาง และแอฟริกาในปีนี้  ตามที่สเตฟาน ไวเลอร์ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุนตราสารหนี้ JPMorgan กล่าว

อาเดรียน กุซโซนี หัวหน้าฝ่ายตลาดตราสารหนี้ของภูมิภาคที่ Citigroup เผยว่า บริษัทจากละตินอเมริกากลับมาออกตราสารหนี้ในตลาดต่างประเทศอีกครั้ง หลังจากที่หลายบริษัทไม่ได้เคลื่อนไหวมานาน ซึ่งช่วยทำให้จำนวนการออกตราสารหนี้เพิ่มขึ้นมาก เขาคาดว่าปริมาณตราสารหนี้ของละตินอเมริกาตลอดทั้งปีนี้จะมากกว่าปีที่แล้ว

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทที่มีความเสี่ยงสูง เช่น บราซิล เปรู และ Telecom Argentina SA ที่เพิ่งออกตราสารหนี้ในตลาดช่วงหลังมานี้ ส่วนคีร์กีซสถานก็เพิ่งออกตราสารหนี้ต่างประเทศครั้งแรกได้เงิน 700 ล้านดอลลาร์ โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนสูงมาก มีคนต้องการซื้อถึง 2,100 ล้านดอลลาร์ สำหรับตราสารหนี้อายุ 5 ปี ที่ให้ผลตอบแทน 8%

อย่างไรก็ตาม แม้ตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีในการออกตราสารหนี้ เพราะนักลงทุนต้องการผลตอบแทนสูง แต่ “ไม่ใช่ทุกประเทศในตลาดเกิดใหม่” จะสามารถใช้โอกาสนี้ได้ โดยเฉพาะประเทศที่มีเครดิตต่ำ หรือถูกจัดอยู่ในกลุ่มผู้ออกตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง

“อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่สูงขึ้น ความไม่แน่นอนด้านการค้า และราคาน้ำมันที่ลดลง ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ประเทศชายขอบจำนวนมากที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำ เข้าถึงตลาดทุนได้ยาก” แซมี มูอัดดี หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ บริษัท T. Rowe Price Associates กล่าว

อ้างอิง: bloomberg